LTS ผลงานรอการพิสูจน์…ปีนี้ทะลุเป้า
ชั่วโมงนี้อยากจะพูดถึงผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง
เส้นทางนักลงทุน
ชั่วโมงนี้อยากจะพูดถึงผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ตั้งเป้าบริหารงานอย่างมืออาชีพ นั่นคือ “ภัฏ ตรัสโฆษิต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LTS ซึ่งทำธุรกิจจัดจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่าง
LTS เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 แต่ถือว่ามีพัฒนาการที่ดี ทั้งในด้านของราคาหุ้นและการหางานเข้ามาเติมพอร์ต
ในส่วนของราคาหุ้น LTS เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรก (17 พฤษภาคม 2567) ราคาหุ้นก็วิ่งระเบิดเถิดเทิง ปิดอยู่ที่ 9.05 บาท เพิ่มขึ้น 201.67% จากราคาออกและเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) หรือราคาจองที่ 3 บาท ในช่วงระยะเวลาที่เข้ามาซื้อขายในตลาด mai ราว ๆ 5 เดือน LTS ยังไม่เคยหลุดต่ำกว่าราคาจอง สามารถทำสถิติราคาสูงสูดไว้ที่ 13.50 บาท แม้ปัจจุบันราคาหุ้นจะย่อตัวลงมาอยู่ประมาณ 10 บาทต้น ๆ ก็ตาม
ในด้านของพอร์ตงานนั้น เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 LTS เพิ่งลงนามในสัญญากับบริษัท โอบีโอเอ็น คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด เพื่อดำเนินงาน 2 เรื่องสำคัญ มูลค่างาน 101.5 ล้านบาท สัญญาครอบคลุมการทำ Commissioning Network และจัดหาอุปกรณ์ Firewall
โดย LTS เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานด้านการกำหนดวัตถุประสงค์และนโยบายการใช้งานของ Firewall รวมถึงการจัดหาติดตั้งและกำหนดค่าเริ่มต้น บริษัทฯ เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานด้านการจัดหาและติดตั้งตามที่วางแผนไว้และการกำหนดค่าที่เหมาะสม ครอบคลุมถึงการทดสอบและปรับปรุง โดยรับผิดชอบการดำเนินงานด้านการทดสอบเสถียรภาพของระบบ Firewall เพื่อให้เชื่อมั่นได้ว่าการทำงานเป็นปกติ และปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของระบบเครือข่าย
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น การติดตั้งไฟเบอร์รันเนอร์ (Fiber Runner) ในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยการจัดหาและเลือกวัสดุที่เหมาะสม วางแผนการติดตั้งเส้นทางของ Fiber Runner และการติดตั้ง Fiber Runner ให้เหมาะสมกับโครงการ การจัดเก็บสายและเคเบิล กำหนดส่งมอบงานเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 ที่ผ่านมานี้
ขณะที่ เมื่อกลางเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัท ไลท์อัพ เอไอ โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ LTS เพิ่งจะลงนามในสัญญาบริการจัดหาทรัพยากรคอมพิวเตอร์และบริการจัดเก็บข้อมูลกับมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL University) โดยเป็นการเช่า GPU NVIDIA
รวมทั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับบริการทางด้านนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) และการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งสัญญาดังกล่าวมีระยะเวลา 3 ปี มูลค่างานตามสัญญาประมาณ 230 ล้านบาท จะเริ่มให้บริการและรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2567
และเมื่อสัปดาห์ก่อน LTS ยังได้จับมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ “BytePlus” บริษัทลูกในกลุ่ม ByteDance บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในธุรกิจ Social Commerce ของประเทศจีน เป็นเอ็กซ์คลูซีฟดีลเลอร์ 7 ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า B2B รับการเติบโตของธุรกิจ Social-Commerce ในประเทศไทย
ทั้งนี้ ได้แต่งตั้ง “สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น” เป็น Reseller ทำตลาดผลิตภัณฑ์โซลูชัน Live Streaming โดยเจ้าของแบรนด์สามารถเก็บพฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเสนอโปรโมชันแบบเฉพาะเจาะจงได้ตรงเป้า เป็นเครื่องมือช่วยยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันแก่องค์กรภาคธุรกิจ และผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ สามารถนำเสนอสินค้าและบริการผ่านการใช้เทคโนโลยี AI
งานที่มีเข้ามาต่อเนื่องน่าจะสนับสนุนให้ LTS เติบโตได้ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2567 นี้มาก และถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากกว่า 70%
“ภัฏ ตรัสโฆษิต” ระบุว่า LTS ยังจะเติบโตต่อทางด้านของ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI ที่เป็นต้นน้ำ เป็น Software Development ซึ่งในอนาคตมีแผนจะพัฒนา Software AI ของตัวเอง ส่วน Data Center ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง ขณะที่งานที่มีการเซ็นสัญญาใหม่จะเข้ามาเสริม
ในปีนี้ LTS จะรับรู้งานในมือ หรือแบ็กล็อก มากกว่า 50% หรือกว่า 100 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีงานในมือมากกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งมาจากลูกค้าประจำ และโครงการที่ทำต่อเนื่อง
“ในส่วนของเรื่องไฟ มีโครงการที่แน่นอนอยู่แล้ว และรู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ แต่ด้าน IT Solution ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง เช่น ที่เพิ่งเซ็นไปของ CMKL University และยังมีโครงการอื่น ๆ ที่อยู่ในแผนงาน บางโครงการกำลังคุยกันก็ยังมีอยู่ น่าจะเห็นอีก 1-2 โครงการ ก่อนจะถึงปลายปีนี้
ตอนแรกปีนี้วางแผนรายได้จะโต 20-30% จากปีก่อน มาถึงตอนนี้ คิดว่าน่าจะไปถึง 70-80% ได้ ส่วนปีหน้าก็ยังมีโครงการต่อเนื่องเข้ามาอยู่ เช่น AI, โครงการไฟที่ยังเติบโตอยู่ แต่ยังมองว่าปี 2568 รายได้จะโต 20-30% เพราะมองจะโตระดับนี้ไป 2-3 ปี แต่ถ้าจะมากกว่านี้ก้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะยังมีโครงการที่เราศึกษาอยู่อีกหลายอัน หากเป็นไปได้ก็จะทำให้โตได้มากกว่านี้ เช่น โครงการเกี่ยวกับสมาร์ตโฟนของภาครัฐ” ภัฏ ตรัสโฆษิต กล่าว
ในฐานะเป็นผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ “ภัฏ ตรัสโฆษิต” ต้องการให้ LTS เป็นบริษัทที่ใช้นวัตกรรมในการเพิ่มมูลค่าสินค้า ส่วนธุรกิจที่จะเป็น New S-Curve คือ IT Solutions จะต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการให้สอดรับกับ Mega Trend รวมทั้ง Data Center
“ภัฏ ตรัสโฆษิต” ตบท้ายว่า LTS จะเป็นบริษัทที่ดี มีความน่าสนใจ โดยขอให้นักลงทุนติดตามผลงาน ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดราคาหุ้นและมูลค่าของกิจการต่อไป