‘อาบูดาบี’ เมืองใหม่แห่งการลงทุน.!
นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตา “อาบูดาบี” เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่สุดเป็นอันดับสองของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำลังผงาดขึ้นมาจากเมืองที่อยู่ใต้เงาของนครดูไบ
นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตา “อาบูดาบี” เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่สุดเป็นอันดับสองของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำลังผงาดขึ้นมาจากเมืองที่อยู่ใต้เงาของนครดูไบ หลังสามารถดึงดูดส่วนแบ่งเงินลงทุนของผู้บริหารสินทรัพย์ และความมั่งคั่งของบรรดามหาเศรษฐี ช่วยเสริมสร้างบทบาทของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในฐานะหนึ่งในทางเลือกของศูนย์กลางด้านการเงินระดับโลก
ขณะที่ “ดูไบ” ที่ไม่มีแหล่งน้ำมันสำรองมากนัก ได้รักษาตำแหน่งศูนย์กลางทางการเงินอันดับหนึ่งของภูมิภาคช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยเสน่ห์ดึงดูดของภาษีที่ต่ำ, การบังคับใช้ระบบกฎหมายของอังกฤษแบบคอมมอนลอว์ (Common Law) และเปิดรับการเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วของภูมิภาค
หากเทียบระดับโลก “ดูไบ” อยู่อันดับที่ 16 จากการจัดอันดับล่าสุดของดัชนีศูนย์กลางทางการเงินโลก ขณะที่อาบูดาบีอยู่อันดับที่ 35 โดยอยู่อันดับที่ 1 และ 2 ตามลำดับสำหรับภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา
ตลอดช่วงที่ผ่านมา “อาบูดาบี” ที่มีปริมาณน้ำมันสำรองของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มากถึง 90% ได้เร่งพยายามในการกระจายความเสี่ยงเพื่อให้เศรษฐกิจมีความหลากหลายมากขึ้น โดยอาศัยกองทุนความมั่งคั่งแห่งรัฐ ที่มีมูลค่ามากมหาศาล ร่วมกันจัดการเงินทุนจำนวนเกือบ 2,000,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกระตุ้นการเติบโตของภาคเศรษฐกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน
โดยการเกิดขึ้นของบริษัทต่าง ๆ ในขอบเขตภาคธุรกิจใหม่ และศักยภาพทางธุรกิจที่สร้างขึ้นจากการลงทุนของ “อาบูดาบี” ไม่ได้ถูกมองข้ามในวัฏจักรภาคการเงินระหว่างประเทศ
Ryan Lemand ผู้ก่อตั้งร่วมและ CEO Neovision Wealth Management บริษัทจัดการกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุนที่ตั้งอยู่ในอาบูดาบี ระบุว่า มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงช่วงปีที่ผ่านมา มีการหลั่งไหลเข้ามาของบรรดาผู้บริหารกองทุน, กองทุนป้องกันความเสี่ยง (เฮดจ์ฟันด์) และทางเลือกอื่น ๆ เข้ามาร่วมประชุมเพื่อระดมทุน
โดยบางแห่งมีการเปิดสำนักงานในดูไบ และอาบูดาบีมีมากขึ้นเช่นกัน เพื่อให้เกิดความได้เปรียบเหนือผู้ที่เดินทางมาจากลอนดอน, นิวยอร์ก หรือฮ่องกงเพื่อดึงดูดธุรกิจใหม่
อย่างไรก็ตามจากผู้เข้าร่วมการประชุม AIM จำนวน 8 คน ระบุว่า “อาบูดาบี” มีโมเมนตัมขับเคลื่อนที่ชัดเจน โดยมีจำนวนการจดทะเบียนบริษัทที่เพิ่มขึ้น, การดึงดูดของกองทุนความมั่งคั่งแห่งรัฐ และความง่ายในการได้รับใบอนุญาตในการดำเนินการเมื่อเทียบกับศูนย์กลางทางการเงินอื่น ๆ และขณะนี้เท่าเทียมกับของดูไบแล้ว
Ray Dalio ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Bridgewater Associates และกองทุนเฮดจ์ฟันด์อื่น ๆ รวมถึงเบรแวน ฮาวเวิร์ด เป็นกลุ่มคนที่เข้ามาเปิดบริษัทในอาบูดาบีแล้ว ด้านผู้จัดการสินทรัพย์ PGIM ซึ่งเป็นแผนกจัดการการลงทุนของบริษัทประกันภัย Prudential Financial ของสหรัฐฯ และ Nuveen เป็นอีกกลุ่มที่เพิ่งเข้ามา
General Atlantic ซึ่งเป็นบริษัทไพรเวทอิควิตี้ในนิวยอร์ก ที่มีเงินทุนภายใต้การบริหาร 83,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมจะเข้าร่วมเช่นกัน หลังจากได้รับการอนุมัติเบื้องต้น
จากข้อมูลของ Abu Dhabi Global Market ศูนย์กลางการเงินของเมืองอาบูดาบี ระบุว่า ผู้จัดการสินทรัพย์และกองทุนเฮดจ์ฟันด์อีกประมาณ 12 แห่ง ได้รับการอนุมัติในหลักการแล้ว
ขณะที่ Global SWF ระบุว่า อาบูดาบี กลายเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เมื่อวัดจากสินทรัพย์ที่กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ถือครองที่มีมูลค่าประมาณ 1,700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกองทุนดังกล่าวบริหารจัดการเงินประมาณ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในนครดูไบ ด้วยการมีกองทุนความมั่งคั่งแห่งรัฐที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เป็นแรงจูงใจให้ก่อตั้งบริษัทในอาบูดาบีมากขึ้นด้วยเช่นกัน