เด้งเพื่อลง?

การดีดตัวของดัชนีขึ้นไปถึงระดับ 1,461.93 จุด แต่สุดท้ายย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,451.16 จุด ลบไป 1.87 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.08 หมื่นล้านบาท


การดีดตัวของดัชนีขึ้นไปถึงระดับ 1,461.93 จุด แต่สุดท้ายย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,451.16 จุด ลบไป 1.87 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.08 หมื่นล้านบาท อาจเป็นเรื่องที่ดูดีในมุมของกำลังใจผู้เล่นตอนเช้า (ไม่เกี่ยวกับปลดเทน ฮาก) แต่ในมุมของสัญญาณเทคนิคยังต้องลุ้นกันต่อไปว่า ดัชนีจะขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,460 จุดได้หรือเปล่า? หากทำไม่สำเร็จในวันนี้ ดัชนีมีสิทธิ์ทรุดตัวลงไปอีกครั้งนะนายจ๋า!

ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ดัชนีจะอยู่ในภาวะไซด์เวย์ดาวน์ ซึ่งจะเป็นการยากที่จะดันดัชนีให้กลับขึ้นมายืนเหนือเส้นแนวรับ 10 วันกับ 25 วันตรงบริเวณ 1,472 กับ 1,460 จุด “โมนิก้า” ถึงลุ้นให้ดัชนีวิ่งผ่านแนวต้านดังกล่าวให้เร็วสุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการย่ำอยู่ใต้แนวต้านนาน ๆ จะทำให้แรงซื้อหดหายลงไปเรื่อย ๆ เพราะนักลงทุนมักเกิดอาการถอดใจ และเชื่อว่า ดัชนีคงมาได้แค่นี้ไงล่ะจ๊ะ

ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องย้ำคำเดิมว่า หากเชื่อในเรื่องของสัญญาณเทคนิค ก็อย่าฝืนธรรมชาติอีกต่อไป เพราะเกมหุ้นเที่ยวนี้ไม่ใช่เกมยาว แต่เป็นเกมสั้นที่นักเล่นต้องถนัดเข้าออกเร็ว เพราะเมื่อเหลือบดูท่าทีของต่างชาติที่เริ่มแสดงพฤติกรรมสาดหุ้นมากขึ้น ย่อมเป็นแรงกดดันที่ทำให้การขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,500 จุดยากขึ้นทุกที เดี๊ยนถึงต้องออกโรงเตือนตั้งแต่หัววันพะย่ะค่ะ

เหมือนกับสถานการณ์ของ “หนูมาลี มีลูกแมวเหมียว” MALEE ก็มีประเด็นให้ขบคิดมากมาย แต่ประเด็นหลักที่ลูกอีช่างเม้าท์ชอบพูดถึงบ่อยก็คือ ไตรมาส 3 กำไรจะออกมาดีเหมือนกับไตรมาส 2 หรือเปล่า? เพราะถ้าดูกันตามหน้าประวัติศาสตร์จะเห็นว่า นี่เป็นโลว์ซีซั่นของทุกธุรกิจ และการที่หุ้นลงมาเรื่อย ๆ จนยืนปิดที่ 11.40 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 4.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 52 ล้านบาท น่าจะสื่อถึงความเป็นไปได้ที่หุ้นจะลงไปแถว 10 บาทอ๊ะป่าว!

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหุ้น XPG ขึ้นมาทันที เพราะเป็นหนึ่งในหุ้นที่เล่นสั้น ๆ มันม๊าก! แถมในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเห็นราคาหุ้นวิ่งไปมาในกรอบ 0.95-1.10 บาทเป็นประจำ เดี๊ยนเลยสงสัยว่า การพุ่งขึ้นไปที่ 1.02 บาทตอนเทรดระหว่างวัน คือการโยนหินถามทางรอบใหม่หรือเปล่า? และการย่อตัวลงมาปิดที่ 0.98 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 3.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50 ล้านบาท น่าลองเสี่ยงดูสักตั้งไหมเอ่ย?

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น CCET ก็แกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนพยายามไปต่อ แต่ราคาหุ้นก็ยังวนเวียนในกรอบ 5.00-5.50 บาทแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่น่าเข้าไปตะลุมบอนเหมือนกัน เพราะหุ้นยังรักษาทรงได้ค่อนข้างดี แต่เผอิญภาวะตลาดหุ้นไม่เป็นใจเหมือนเมื่อก่อน เดี๊ยนเลยอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ 5.30 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 2.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 213 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 32 เท่า ยังน่าเล่นอยู่ไหมตัวเอง

อีกรายที่สร้างความประหลาดใจให้กับอีฉันเหลือเกินก็คือ CREDIT เพราะเป็นหุ้นที่วานนี้ลงเร็วแบบไม่มีวอลุ่ม ทั้งที่ตามเนื้องานจะเห็นว่า นี่เป็นหุ้นที่ได้รับเสียงเชียร์มาร่วมสัปดาห์ และมีการเข้ามาไล่หุ้นอย่างเมามัน “โมนิก้า” เลยไม่สามารถอธิบายสาเหตุที่หุ้นลงมายืนปิด 23.30 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 17 ล้านบาทได้เต็มปาก ทั้งที่กำไรไตรมาส 3 โตถึง 18% หรือว่า ราคาหุ้นวิ่งถึงเป้า 25 บาท จึงปิดเกมเพียงเท่านี้!

สำหรับม้านอกสายตาที่เหมือนจะหมดสภาพก่อนหน้านี้อย่าง GIFT ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแบบไม่ให้รู้ตัว “โมนิก้า” มาเห็นอีกทีก็มายืนปิดที่ระดับ 3.12 บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 9.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 114 ล้านบาทเสียแล้ว เดี๊ยนเลยมองว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับโครงสร้างใหม่ของบริษัท (เพิ่มทุน 4.20 บาท) รวมทั้งผลงานในช่วงที่ผ่านมาก็โตขึ้นเป็นลำดับ จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการไหลตามน้ำ..จริงหรือไม่ ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ

ตบท้ายกันที่หุ้น EA สักหน่อยดีกว่า เพราะการยืนปิดที่ระดับ 7.95 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 789 ล้านบาท น่าจะเป็นสัญญาณที่บอกถึงข่าวดีบางอย่างหรือเปล่า? และสิ่งที่ “โมนิก้า” คิดถึงเรื่องแรกก็คือ “พันธมิตร” เพราะเป็นประเด็นที่จะเข้ามาช่วยพลิกฟื้นบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ และเรื่องนี้ก็มีการพูดถึงเป็นระยะ ๆ จึงเชื่อว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นประเด็นที่หลายคนรอดูอยู่เจ้าค่ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button