SCGP เจอ Fajar พ่นพิษ.!

หุ้นกล่องกระดาษ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เป็นหนึ่งในหุ้นที่ถูกหยิบมาเล่นในธีม China Play รับประโยชน์จากรัฐบาลจีน


หุ้นกล่องกระดาษ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เป็นหนึ่งในหุ้นที่ถูกหยิบมาเล่นในธีม China Play รับประโยชน์จากรัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือบาซูก้า ซึ่งคาดหวังกันว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานต่าง ๆ ของ SCGP ฟื้นตัว โดยเฉพาะกำไร..!!

แต่ปรากฏว่าประกาศงบไตรมาส 3/2567 ออกมา นอกจากกำไรจะไม่โตแล้ว กลับลดลงอีกต่างหาก โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 578 ล้านบาท ลดลง 56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 60% จากไตรมาสก่อน ซึ่งถือว่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญนะเนี่ย..!?

ทำเอานักลงทุนเซ็งเป็ดไปตาม ๆ กัน…

มิน่าล่ะ…ในช่วงหนึ่งเดือนมานี้ ราคาหุ้น SCGP ถึงได้สาละวันเตี้ยลง จากราคา 30 บาท ปรับลดลงเหลือ 25 บาทเศษ โดยราคาปรับลดลงไปกว่า 12%…

ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับ SCGP กันนะ..??

ถ้าไปดูในงบการเงิน ยอดขายของทุกกลุ่มธุรกิจก็กระเตื้องขึ้นนะ เริ่มจากกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรยอดขายอยู่ที่ 24,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% ส่วนกลุ่มธุรกิจเยื่อและกระดาษยอดขายอยู่ที่ 6,697 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% ในขณะที่กลุ่มธุรกิจรีไซเคิลมียอดขาย 2,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% ส่งผลให้มีรายได้จากการขายในไตรมาสนี้อยู่ที่ 33,371 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 23,573 ล้านบาท

ในขณะที่ต้นทุนขายแม้จะเพิ่มขึ้น 9% มาอยู่ที่ 28,187 ล้านบาท แต่ไม่น่าจะทำให้กำไรลดฮวบฮาบขนาดนั้น..ว่ามั้ย..??

แล้ว SCGP ไปโดน (ของ) อะไรล่ะเนี่ย

อ้อ…ที่แท้เจอบริษัทลูกนอกไส้ที่ชื่อว่า PT Fajar Surya Wisesa Tbk. หรือ Fajar (SCGP เริ่มเข้าลงทุนเมื่อปี 2562) ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซียพ่นพิษใส่นี่เอง…เนื่องจาก 1)ผลการดำเนินงานของ Fajar หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายยังไม่ทำกำไร

2)ทำให้เงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นพร่องไป 6,464 ล้านบาท เนื่องจากต้องไปซื้อหุ้น Fajar เพิ่มตามพันธสัญญาในสัดส่วน 44.48% เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2567 โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 652.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 22,802 ล้านบาท

และ 3)ระหว่างทาง SCGP ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยก้อนโตจากการไปกู้เงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน จำนวน 14,400 ล้านบาท เพื่อถือหุ้น Fajar เพิ่มเป็น 99.71% จากเดิมถือหุ้น 55.23%

ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 SCGP มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.0 เท่า เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 0.9 เท่า แยกย่อยเป็นอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA เพิ่มมาอยู่ที่ 3.1 เท่า เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1.9 เท่า และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มมาอยู่ที่ 0.7 เท่า เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 0.5 เท่า

เรียกว่ากดกำไรไม่พอ…ยังทำให้ D/E เพิ่มอีกต่างหาก…

เท่ากับว่า Fajar ในระยะสั้นจะกดดันกำไรของ SCGP ไม่ให้เฉิดฉาย แถมยังต้องแบกภาระดอกเบี้ยหลังอานด้วยนะเนี่ย…

ที่น่าติดตาม SCGP จะเจ็บแต่จบในไตรมาส 3/2567 นี้อ๊ะเปล่า..?? หรือจะยืดเยื้อไปถึงไตรมาส 4/2567…อันนี้ก็ไม่รู้สินะ

แต่ถ้ายังยืดเยื้อไปเรื่อย ๆ มีหวัง SCGP ได้กลายเป็นหุ้นกระดาษห่อไฟแหง ๆ

ส่วนความคาดหวังที่ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะทำให้ SCGP ฟื้นตัวได้นั้น…คงต้องรอวันพิสูจน์ต่อไป…

…อิ อิ อิ…

Back to top button