พาราสาวะถี

ไม่ต้องรอถึง 12 ธันวาคมตามที่ แพทองธาร ชินวัตร ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม. เพราะในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทยเมื่อวันอังคารต่างยกมือหนุนโดยพร้อมเพรียง ให้พรรคเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม


ไม่ต้องรอถึง 12 ธันวาคมตามที่ แพทองธาร ชินวัตร ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม. เพราะในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทยเมื่อวันอังคารต่างยกมือหนุนโดยพร้อมเพรียง ให้พรรคเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประกอบกับอีก 4 ร่างที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรหลังการเปิดประชุมสมัยหน้า ชัดเจนว่า การเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ให้มีการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 110 และมาตรา 112 เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับความต้องการของพรรคร่วมรัฐบาล

สำหรับเนื้อหาของร่างกฎหมายนั้น พรรคมอบหมายให้ ชูศักดิ์ ศิรินิล ไปดำเนินการยกร่าง เนื้อหาส่วนใหญ่จะยึดตามรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางตามร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส.เพื่อไทยและประธานวิปรัฐบาล ยันการไม่นิรโทษกรรมคดีมาตรา 110 และ 112 เพราะกระแสขณะนี้ไม่มีพรรคใดเอานิรโทษกรรม มาตรา 112 ถ้าเสนอไปก็เดือดร้อนหมด เสนอไปก็ตกอยู่ดี นี่คือความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะเดียวกัน มีคำถามว่าการที่เพื่อไทยเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมแต่ตัดกรณี 112 ออกไปนั้น ถือเป็นการผิดคำพูดกับสิ่งที่เคยหาเสียงไว้หรือไม่ วิสุทธิ์ยืนยันว่า ที่ผ่านมาพรรคไม่เคยพูดจะนิรโทษกรรมมาตรา 112 แค่บอกจะหาแนวทางนิรโทษกรรมคดีการเมือง ดังนั้น การไม่นิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 จึงไม่ถือว่าพรรคผิดคำพูด หากเดินตามแนวทางนี้เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลคงไร้ปัญหา เพราะเป็นร่างที่นิรโทษกรรมความเห็นทางการเมือง และความผิดทางการเมืองทั้งหลาย ตรงกับผลรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการ ที่ส่วนใหญ่ไม่มีใครเห็นแย้งกับประเด็นนี้

ถือว่าเป็นการตัดจบปมที่จะทำให้เกิดความเห็นต่าง สร้างความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อพรรคแกนนำเสนอร่างประกบเช่นนี้แล้ว 4 ร่างที่มีอยู่เดิมมีของรวมไทยสร้างชาติรวมอยู่ด้วย ซึ่งคงต้องมีการนัดหารือกันในพรรคร่วมว่าจะกำหนดแนวทางในการพิจารณา เพื่อนำไปสู่การลงมติของที่ประชุมอย่างไร การไม่มีเงื่อนไขที่เป็นประเด็นอ่อนไหว ยึดหลักการใหญ่จะต้องไม่ไปขยายความขัดแย้งใดเพิ่ม โอกาสที่จะผลักดันให้ร่างกฎหมายผ่านความเห็นชอบ มีผลบังคับใช้ เกิดประโยชน์กับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองย่อมเป็นไปได้สูง

ส่วนที่มองกันว่าการเร่งสร้างความชัดเจนต่อร่างกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น เพื่อที่จะเป็นการดักทางไม่ให้กลุ่มเตรียมการเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลใช้เป็นประเด็นในการโจมตี จากการวิเคราะห์ของทีมการเมืองทั้งภายในพรรคแกนนำรัฐบาล และพรรคร่วม ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น เพราะประเมินกันทั้งจากการข่าว รวมถึงท่าทีของฝ่ายตรงข้ามที่เห็น ส่วนใหญ่เป็นพวกเรียกร้องที่มีเบื้องหลัง สร้างราคาให้กับตัวเอง ยังไร้ประเด็นที่จะยึดโยงผลประโยชน์ประชาชน

หลายรายที่แยกเขี้ยวขู่ เป็นที่รู้กันอยู่ว่า รับงานใครมา บางรายที่ปากอ้างว่าเป็นแกนนำฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ตลอดระยะเวลาของการอยู่ในอำนาจทั้งเผด็จการ คสช.และขบวนการอยู่ยาว แกนนำรายดังว่ากลับรับการดูแลจนปากมันจากผู้ยิ่งใหญ่ของแก๊งพี่น้องอันลือลั่น เป็นพวกปากประชาธิปไตยใจเผด็จการ เบื้องหน้าแกล้งจน ต้องทนปากกัดตีนถีบ แต่เบื้องหลังใช้คนใกล้ชิดทำมาหากินกันเป็นล่ำเป็นสัน รับงานไล่ขย้ำคนที่เคยมีบุญคุณ ยอมอยู่ใต้อุ้งตีนเผด็จการเพื่อหวังว่าหากพวกนี้กลับมามีอำนาจ ตัวเองและพรรคพวกจะได้เสวยสุขกันเต็มที่

คงลืมไปว่า งานจัดตั้งมวลชนเพื่อชนกับฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่ยุคม็อบมีเส้นไล่ ทักษิณ ชินวัตร กระทั่งถึงม็อบนกหวีดนั้น มีการใช้กลไก อาศัยแรงหนุนจากใคร กลุ่มไหน มาถึง พ.ศ.นี้ยังไม่มีเหตุหรือปัจจัยใดที่จะเอื้อให้เกิดม็อบใหญ่เพื่อทำให้รัฐบาลมีอันเป็นไปได้ ในทางตรงข้าม คนส่วนใหญ่ต่างเห็นตรงกันว่า บ้านเมืองจะต้องปราศจากความขัดแย้ง และรัฐบาลควรได้รับโอกาสในการที่จะทำงานอย่างมีเสถียรภาพ ดังนั้น นอกเหนือจากการใช้กลไกนิติสงครามเล่นงานแล้ว ตัวแปรอื่นน่าจะสั่นคลอนรัฐบาลอุ๊งอิ๊งได้ยาก

ไม่ว่าจะเป็นภาคประชาสังคม ภาคเอกชน ต่างเห็นตรงกันว่า สถานการณ์ของประเทศเวลานี้ สิ่งที่ควรได้รับการเยียวยาเป็นอันดับแรกคือ ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ วันนี้เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า จึงไม่ใช่เวลาที่รัฐบาลจะต้องมานั่งเผชิญกับข้อเรียกร้องทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องที่พรรคแกนนำรัฐบาลจะต้องมาขับเน้นกับข้อกฎหมายใด ๆ ที่เป็นมิติทางการเมือง แม้กระทั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนคนส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ

จึงทำให้บทบาทในการเป็นผู้นำของแพทองธารได้รับการโอบอุ้มโดยกระแสของสังคม การถูกเล่นงานจากปฏิปักษ์ทางการเมืองตั้งแต่รุ่นพ่อมาจนถึงปัจจุบันถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อเสียงส่วนใหญ่ยังคงหนุนและให้โอกาส จึงเป็นหน้าที่ของลูกสาวคนเล็กของทักษิณ และพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องเร่งสร้างผลงานให้เป็นที่ปรากฏ จะเห็นได้ว่าช่วงนี้มีงานอีเวนต์ถี่ยิบ เน้นไปที่การท่องเที่ยวเพราะถือเป็นช่วงไฮซีซั่น ควบคู่กับการชูซอฟต์พาวเวอร์ด้านต่าง ๆ ที่ถือเป็นงานถนัดและเจ้าตัวก็แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจ และเชื่อมั่นว่ามีความสามารถ ศักยภาพที่สร้างผลงานจากเรื่องนี้ได้

ขณะที่ประเด็นซึ่งฝ่ายตรงข้ามหยิบยกมาแสดงข้อกังขา ไม่ว่าจะเรื่องตากใบกับจำเลยบางคนที่หลังคดีหมดอายุความก็กลับมาปฏิบัติงานในฐานะข้าราชการหน้าตาเฉย หรือเรื่องดิไอคอน กรุ๊ป เหล่านี้มีช่องทางให้นายกฯ หญิงติ๊ดชึ่ง เด้งเชือกเอาตัวรอดได้สบาย ด้วยการโยนให้เป็นภาระหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ในฐานะผู้นำไม่ได้มีหน้าที่ต้องไปล้วงลูก หรือจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง จะเห็นได้ว่ากระแสสังคมก็ไม่ได้เรียกร้องหรือกดดันให้รัฐบาลและผู้นำต้องรับผิดชอบแต่อย่างใด

อรชุน

Back to top button