กองทุนพยุงหุ้นต่อไป
ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรงท่ามกลางสภาพแวดล้อมมีความผันผวน มักลงเอยด้วยแรงขายตามมาติด ๆ
ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรงท่ามกลางสภาพแวดล้อมมีความผันผวน มักลงเอยด้วยแรงขายตามมาติด ๆ ซึ่งบางครั้งอาจเป็นการเทขายพรวดเดียว แต่บางครั้งก็เป็นการรินขายออกมาต่อเนื่อง “โมนิก้า” ถึงพยายามเตือนสติให้แฟนคลับประเมินความพร้อมของตัวเองในการรับมือแรงกระแทกที่มีสิทธิ์ออกมาทุกเมื่อ เพราะปัจจัยภายในประเทศยังไม่เข้มแข็งมากพอน่ะซี
ประเด็นดังกล่าวดูได้จากปัญหาการเมืองที่ทะเลาะกันไม่เลิก และเรื่องที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเม้าท์กันบ่อย ๆ ก็คือพลังงานของประเทศ ซึ่งถูกเชื่อมโยงไปยังเรื่องเกาะกูดที่สังคมสงสัยในผลประโยชน์ทับซ้อน แถมยังถูกฝ่ายค้านขย่มซ้ำเรื่องการประมูลไฟรีนิวเอเบิลรอบใหม่ 3.60 พันเมกฯ ซึ่งมีการพุ่งเป้าไปที่นายทุนพลังงานแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ฝั่งรัฐบาลต้องออกมาพูดให้ชัดเจนกว่านี้ว่า ไม่จริง!
เนื่องจากรัฐบาลมีข้อมูลอธิบายได้หมดทุกอย่าง แต่ดันไปเล่นโวหารมากเกินไปหน่อย ส่งผลให้การสื่อสารไปถึงประชาชนเป็นการเสียดสีเสียส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องเกาะกูดก็มีบันทึกหน้าประวัติศาสตร์เป็นของไทย..ถ้ายืนยันตามนี้ น่าจะเคลียร์ชัดไม่ใช่เหรอ? พวกคุณจะมาอ้อมแอ้มทำสากอะไร? และพูดไปเลยว่า เมื่อมีการขุดพลังงานขึ้นมาใช้จะทำให้ “น้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า” มีราคาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ..ก็พูดไปซิพ่อคุณ!
ที่น่าสนใจก็คือเรื่องไฟฟ้าแพง เพราะเอื้อนายทุน ก็แก้ลำง่าย ๆ ด้วยการ “สนับสนุน” และ “อุดหนุนเงิน” ให้กับประชาชนไปติดตั้งโซลาร์ก็ได้ แต่ที่ผ่านมาดันมีอุปสรรคเยอะแยะไปหมด โดยเฉพาะในส่วนของ กฟผ. ที่ทำตัวลอยอยู่เหนือปัญหาเป็นประจำ “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่ประชาชนจะก่นด่าพวกคุณ ๆ ท่าน ๆ ทุกครั้งเมื่อเข้าสู่ช่วงใช้ไฟเยอะ และเตรียมจะขึ้นค่าไฟนะจะบอกให้
เมื่อผนวกกับความกังวลที่มีต่อการมาของทรัมป์ จะนำไปสู่เรื่องสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจทั่วโลกให้ชะลอตัวอีกครั้งแบบนี้ “โมนิก้า” จึงเข้าใจเหตุผลที่ทำให้ต่างชาติตะบี้ตะบันขายหุ้นออกมาทุกวัน เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า ยังมีของถูกให้ซื้ออีกเพียบ ส่งผลให้กองทุนต้องรับบทหนักในการพยุงหุ้นต่อไปเรื่อย ๆ และการที่ดัชนียืนปิด 1,464.17 จุด ลบไป 1.87 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.28 หมื่นล้านบาท ก็ต้องชมเชยนักลงทุนรายนี้นะคะ
ส่วนรายที่ทำให้นักลงทุนสละเรือตั้งแต่หัววัน “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น MEDEZE เป็นรายแรก หลังโดนถล่มขายต่อเนื่อง จนราคาหุ้นหลุดไอพีโอ 9 บาท ลงมากองอยู่ที่ระดับ 8.80 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 0.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 380 ล้านบาท ล้วนเป็นผลมาจากแพทยสภาย้ำชัดว่า สเต็มเซลล์ห้ามใช้กับเรื่องความงาม จึงทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวการเติบโต..แต่เชื่อเถอะว่า..นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ตกใจแป๊บเดียวเจ้าค่ะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นน้ำมะพร้าว COCOCO เป็นรายถัดมา เพราะแรงขายที่ออกมาเที่ยวนี้เกิดจากความกังวลที่มีต่อเรื่องภาษีอเมริกาที่จะคิดเพิ่ม ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า เรื่องดังกล่าวจะกดดันกำไรของบริษัท และเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นร่วงต่อเนื่อง 4 วันติด พร้อมกับลงมายืนปิดที่ระดับ 10.60 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 7% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 426 ล้านบาทแบบนี้..เดี๊ยนเหนื่อยแทนเลยค่ะ
เช่นเดียวกับในรายของ TMAN ก็โดนมรสุมการมโนเล่นงาน “โมนิก้า” จึงอยากให้นักลงทุนตั้งสติให้ดีก่อนคิดจะทำอะไรลงไป เพราะเมื่อดูจากบทวิเคราะห์ที่ยังเชื่อว่า กำไรของบริษัทยังทำได้ดี และการเทรดของหุ้นอยู่บน PE 15 เท่า จึงเป็นระดับที่เหมาะต่อการทยอยสะสมหุ้น เดี๊ยนจึงอยากให้นักลงทุนประเมินการยืนปิดที่ระดับ 15.80 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 4.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 329 ล้านบาท เมคเซ้นส์หรือไง?
ส่วนหุ้นจิ๋วทรงพลังอย่าง NCP ก็แสดงปาฏิหาริย์แบบน่าฉงนเมื่อพฤหัสฯ ที่แล้ว เพราะเมื่อพูดถึงธุรกิจขายตรงที่กำลังเป็นประเด็นร้อนของสังคม น่าจะเป็นแรงกดดันราคาหุ้นอย่างมาก “โมนิก้า” เลยไม่เข้าใจเหตุผลที่หุ้นพุ่งขึ้นมาปิดไฮที่ระดับ 1.53 บาท แถมวันศุกร์วิ่งขึ้นไปทำไฮที่ระดับ 1.63 บาท แต่สุดท้ายอ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 1.36 บาท ลบไป 0.17 บาท หรือลงไป 11.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 67 ล้านบาทแบบนี้..เม่าโดนล่อให้แล้วกระมัง!..อิอิอิ
โมนิก้า: และทีมงาน