เกือบหลับแต่กลับมาได้
ประเด็นที่ทุกคนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษในช่วงนี้ก็คือเรื่องการเมือง ซึ่งมีทั้งการเมืองต่างประเทศที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างหนัก
ประเด็นที่ทุกคนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษในช่วงนี้ก็คือเรื่องการเมือง ซึ่งมีทั้งการเมืองต่างประเทศที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างหนักว่า “แฮร์ริส” กับ “ทรัมป์” ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และตัวอิฉันเองก็เป็นผู้หญิงประเภทลุยไหนลุยกัน จึงไม่เคยกระดากใจที่จะยกมือให้กับนางแฮร์ริสเป็นนัมเบอร์วัน แต่สุดท้ายก็ต้องมาดูกันว่า ประชาชนอเมริกันจะเทคะแนนให้กับใครนะออเจ้า
ในขณะเดียวกันทั่วโลกก็ต้องรีบปรับตัวให้เร็วสุด เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังจากได้ประธานาธิบดีคนใหม่ เพราะสิ่งที่ทุกคนรับรู้อยู่เต็มอกก็คือ “วอร์เทรด” มาแน่นอน! แต่กระนั้นก็ยังมีความเชื่อที่ว่า หลังเลือกตั้งสหรัฐฯ หุ้นทั่วโลกจะขานรับด้วยการดีดตัวขึ้นกันเป็นแถวแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่ต้องเดิมพันสูงมาก ๆ เพราะสภาพเศรษฐกิจมันไม่เอื้อเหมือนเมื่อก่อนน่ะซี
เช่นเดียวกับประเด็นของเกาะกูดที่ตอนนี้กลายเป็นสงครามน้ำลาย และดูเหมือนนายกฯ อิ๊งจะเสียรังวัด เมื่อหลุดปากพูดถึงเรื่องโดนเขมรฟ้อง ทั้งที่เรื่องนี้เป็นแค่ “MOU44” ส่งผลให้ผู้ที่มีความรู้มากมายออกมารุมสับแม่หนูน้อยไม่มีชิ้นดี (วันก่อนพูดดีมาก ๆ เมื่อเคลียร์ชัดว่า เกาะกูดเป็นของไทย) ผนวกกับ “ดร.สุรเกียรติ์” ออกมาเปรยว่า “ถ้างุบงิบทำ หายนะแน่” แบบนี้..ไปไม่เป็นทั้งขบวนเลยค่ะ
ที่น่าสนใจตรงที่ด๊อกเตอร์พูดชัด ๆ ว่า “หากเดินหน้าแบ่งปันผลประโยชน์กันก่อน ต่อจากนั้นค่อยไปเจรจาเรื่องเส้นแบ่งเขตแดน” ทำไม่ได้นะหนูน้อย! “โมนิก้า” จึงอยากให้รัฐบาลเลิกแกล้งโง่เสียที เพราะขนาดคนที่รู้ดีสุดเกี่ยวกับ “MOU44” ยังออกมาแตะเบรก แล้วพวกคุณจะเดินหน้าเล่นเกมเสี่ยงไปเพื่ออะไร? สู้เอาเวลามาทำเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจ และเตรียมรับมือสงครามการค้ากันไม่ดีกว่ารึ!
โชคดีที่ตลาดหุ้นไทยไม่อินกับความชัดแย้งทางการเมืองมากเกินไป จึงเห็นกองทุนกับต่างชาติทำหน้าที่ดันหุ้นแบบสุดซอยอีกครั้ง วานนี้จึงเห็นดัชนีขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,481.67 จุด บวกไป 18.72 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.92 หมื่นล้านบาทแบบชิล ๆ แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ วอลุ่มจะหดหายไปดื้อ ๆ แบบวันก่อนอีกไหม? เพราะอาการดังกล่าวเหมือนเป็นการเตือนในเบื้องต้นว่า นักลงทุนพร้อมเกียร์ว่างเมื่อเริ่มมีประเด็นที่ไม่น่าวางใจนะจ๊ะ
สุดจัดปลัดบอกของจริงต้องยกให้ DELTA หลังทะยานขึ้นทำ all time high ด้วยการยืนปิดที่ระดับ 148.50 บาท บวกไป 9 บาท หรือขึ้นไป 6.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.81 พันล้านบาท และมีผลทำให้ดัชนีขึ้นไปถึง 8.50 จุดแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่อิงกับกำไรที่เติบโตล้วน ๆ แถมเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับโรงงานใหม่ที่จะเสร็จในปี 69 อีกด้วย เลยกลายเป็นหุ้นที่สถาบันต้องมีไปโดยปริยาย เพราะเขาดีจริง!
อีกรายที่ทำท่าเหมือนจะไปไม่กลับ แต่วานนี้เริ่มฟื้นกลับมาได้ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น TTB ซึ่งเป็น “หุ้นใหญ่ราคาเบามือ” สำหรับนักลงทุนทุกกลุ่ม และสาเหตุที่ทำให้หุ้นตัวนี้เป็นทางเลือกในภาวะตลาดผันผวน ล้วนมาจากผลงานที่ยังทำได้ดี ผนวกกับหุ้นผ่านกระบวนการย่ำฐานมาพักใหญ่ เดี๊ยนเลยมองว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.81 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 360 ล้านบาท น่าจะเป็นการเล่นรอบใหม่เจ้าค่ะ
เหมือนกับในรายของห้างยักษ์ใหญ่ CPN ก็ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 64.25 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 423 ล้านบาท ทั้งที่เคยแสดงอาการต้องพักเหนื่อยสักระยะ แต่สุดท้ายก็พุ่งพรวดแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่เมคเซ้นส์ทุกอย่าง เพราะนี่เป็นไฮซีซั่นของธุรกิจห้าง ผนวกกับการเทรดของหุ้น ณ เวลานี้อยู่บน PE 17 เท่า ทั้งที่ปลายปีก่อนหุ้นเทรดบน PE 22 เท่า จึงเป็นจังหวะที่น่าลุยต่อไปค่ะ
อีกรายที่เหมาะต่อการเล่นเป็นช่วง ๆ เพราะมีเรื่องผลงานเป็นตัวแบ็กอัพ แต่ราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองเท่าที่ควร เพราะบรรยากาศตลาดหุ้นไม่เป็นใจเท่าที่ควร แต่อย่าลืมว่า ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นกลับมาคึกคัก มักจะเห็นหุ้น JMT ขยับตัวขึ้นเป็นประจำ เดี๊ยนจึงอยากใหนักลงทุนประเมินการยืนปิดที่ระดับ 19.70 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 731 ล้านบาท เทียบกับไฮครั้งก่อนที่ระดับ 22 บาท..น่ารักน่าลุ้นขนาดไหน?..อิอิอิ
โมนิก้า: และทีมงาน