OSP โรงขวดบาดกำไร.!
ถือเป็นหุ้นที่มีชนักปักหลัง...อุ๊ย มี Overhang ติดตัว สำหรับบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP หลังจากช่วงปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
ถือเป็นหุ้นที่มีชนักปักหลัง…อุ๊ย มี Overhang ติดตัว สำหรับบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP หลังจากช่วงปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ประกาศขายธุรกิจโรงขวดแก้วในประเทศเมียนมาให้กับบริษัท Marlarmyaing Public Company Limited คิดเป็นมูลค่า 50,000 ล้านเมียนมาจัต หรือประมาณ 810 ล้านบาท…ซึ่งมีการประเมินกันว่าจะต้องบุ๊กขาดทุนราว 700-800 ล้านบาทเลยทีเดียว ..!!
กลายเป็นแรงกดดันที่เป็น Overhang แม้จะมีข่าวดีเข้ามา แต่หุ้นก็วิ่งไปไหนได้ไม่ไกล…เพราะมีเรื่องนี้ตามหลอกหลอนอยู่…
ล่าสุดชัดแล้ว เมื่อ OSP ประกาศงบงวดไตรมาส 3/2567 ต้องบันทึกผลขาดทุนจากการขายธุรกิจโรงขวดแก้วในประเทศเมียนมา และการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน รวมเป็นจำนวน 1,033 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาสนี้กำไรสุทธิวูบหายไป 156.3% เหลือแค่ 361 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 642 ล้านบาท
แต่หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว จะมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 672 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 562 ล้านบาท
งั้นถ้าไม่ถูกโรงขวดแก้วในเมียนมาบาดกำไร ในไตรมาสนี้ก็น่าจะเห็นกำไรโตแรงกว่านี้ไปแล้ว…น่าเสียดายจัง..!!
ส่งผลให้งบงวด 9 เดือนแรกปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,071 ล้านบาท ลดลง 45.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1,969 ล้านบาท เนื่องจากมีการบันทึกผลขาดทุนสุทธิจากการปรับโครงสร้างธุรกิจรวมเป็นจำนวน 1,352 ล้านบาท ประกอบด้วย ผลขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุนในบริษัท Basecamp Brews Limited (BCB) และการตั้งสำรองเงินให้กู้ยืมของบริษัท อินโนเวชั่น ออฟ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จํากัด (iEX) รวมทั้งการตัดจำหน่ายหนี้สูญและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายเงินลงทุนในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายขวดแก้วในประเทศเมียนมา และการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว จะมีกำไรจากการดำเนินงาน 2,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1,589 ล้านบาท
จะเห็นว่าในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา งบ OSP ถูกรายการพิเศษบั่นทอนกำไร ก็คงทำให้ปิดสถานะสิ้นปีนี้ไม่สวยนัก…ทำใจไว้ด้วยละกัน
ส่วนการขายธุรกิจขวดแก้วในเมียนมา มองได้ 2 มุม…มุมแรก ถ้าเจ็บแต่จบ ถือเป็นเรื่องที่ดี…เป็นการปลดล็อก Overhang ออกไป เท่ากับว่าจากนี้ไปทางของ OSP ก็น่าจะโล่งปลอดโปร่งมากขึ้น..??
แต่ถ้าเจ็บแล้วไม่จบ…ก็จะเสียโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งไตรมาส 4 เป็นไฮซีซั่นของการขาย หากบาดแผลยังมีเลือดไหลซึมอยู่…
อ้อ…ที่วานนี้ (14 พ.ย. 2567) เห็นราคาหุ้น OSP เด้งขึ้นมา 6.06% สวนงบที่กำไรลดลง โดยปิดตลาดที่ 21 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 620.80 ล้านบาท คงเป็นเพราะก่อนหน้านี้ราคาลงไปลึกสุดใจแล้ว พอมีความชัดเจนเลยมีแรงซื้อกลับ หรือไม่ก็เก็งกันว่าเจ็บแต่จบละมั้ง..!?
ขณะที่ นักวิเคราะห์ยังมีมุมมองกลาง ๆ ต่อ OSP…บางโบรกฯ เริ่มมีความกังวลกับมาร์เก็ตแชร์ที่ลดลง ขณะที่บางโบรกฯ คาดกำไรในไตรมาส 4/2567 จะเติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อน หนุนโดยรายได้ทั้งในและต่างประเทศจะเพิ่มขึ้น จากปัจจัยฤดูกาล และคาดปีนี้น่าจะได้เห็นกำไรปกติราว 3,100 ล้านบาท
โดยส่วนใหญ่ยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายสูงสุด 33.80 บาท
ดูแล้วยังมีอัพไซด์ให้เล่นอีกเพียบ…
อืม…หรือใครเห็นต่างมองว่ายังไม่เข้าตา ก็ไม่ว่ากัน…
…อิ อิ อิ…