TFM อาหารสัตว์น้ำกำไรบานฉ่ำ!
TFM ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เศรษฐกิจ โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ อาหารกุ้ง อาหารปลา และอาหารสัตว์บก ในกลุ่ม TU
คุณค่าบริษัท
ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อบริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เศรษฐกิจ โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ อาหารกุ้ง อาหารปลา และอาหารสัตว์บก ในกลุ่มบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3/2567 โชว์กำไรสุทธิ 151 ล้านบาท เติบโต 187.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 52 ล้านบาท
โดยในไตรมาสนี้มียอดขาย 1,389.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 1,305.7 ล้านบาท เป็นผลมาจากมียอดขายอาหารกุ้ง 875.8 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.4% จากทั้งการขายในประเทศไทย อินโดนีเซีย และการส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ขณะที่มียอดขายอาหารปลา 395.3 ล้านบาท ลดลง 18.3% เป็นผลมาจากยอดขายอาหารปลากะพงที่ปรับตัวลดลง 30.0% เนื่องจากสถานการณ์ราคาปลากะพงปรับตัวลง และยอดขายอาหารสัตว์บก 91.2 ล้านบาท ปรับลดลง 25% เป็นผลมาจากการปรับพอร์ตสินค้าในกลุ่มอาหารสัตว์บก
จะเห็นว่ายอดขายของ TFM เติบโตไม่มาก แต่กำไรเติบโตก้าวกระโดด สาเหตุมาจากความสามารถในการทำกำไรที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยบริษัทมีกำไรขั้นต้นในไตรมาสที่ 3/2567 อยู่ที่ 266.6 ล้านบาท ปรับขึ้น 84.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับกลยุทธ์การขายสินค้าโดยมุ่งเน้นสินค้าในกลุ่มที่มีความสามารถในการทำกำไร และการบริหารต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต รวมไปถึงการบริหารต้นทุนวัตถุดิบ ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 19.2% จาก 11.1% ในไตรมาส 3/2566
หนุนให้ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 TFM มีกำไรสุทธิ 384 ล้านบาท เติบโต 430% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 72 ล้านบาท และมียอดขายรวม 3,425 ล้านบาท ลดลง 3.08% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 3,534 ล้านบาท โดยมีกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 318 ล้านบาท
อีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจคือ การปรับโปรดักส์ให้เหลือเพียงผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูง และมีการคัดเลือกเฉพาะลูกค้าฐานะทางการเงินดีเท่านั้น ซึ่งแม้จะทำให้ระยะสั้นได้รับผลกระทบจากยอดขายที่ปรับลดลง แต่จะช่วยหนุนการเติบโตในระยะยาว โดยบริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 16-18% จากเดิมตั้งไว้ 12-14% ขณะที่ปรับลดเป้าหมายยอดขายของปี 2567 เป็นเติบโต 5-8% จากเดิมที่ตั้งไว้ 10-15%
บล.พาย ระบุว่า TFM รายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/2567 สูงถึง 151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ 17% จากไตรมาสก่อน สูงสุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับผลดีจากการเติบโตของธุรกิจอาหารกุ้งทั้งที่ไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสวนทางกับผลผลิตกุ้งไทยที่ปรับตัวลดลง รวมถึงการปรับสัดส่วนสินค้าที่มีกำไรสูงมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้ผลดีจากการขยายการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น
สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 4/2567 คาดว่าด้วยการที่เกษตรกรมีการเลื่อนการเลี้ยงกุ้งมาเป็นไตรมาส 4 หลังจากก่อนหน้านี้มีปัญหาราคาตกต่ำ ทำให้ผลประกอบการในไตรมาสดังกล่าวจะไม่ใช่ช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจเหมือนที่ผ่านมา ทั้งนี้มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้นจากเดิม 21% มาอยู่ที่ 539 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 517% จากปีก่อน เพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการที่ออกมาดีในช่วง 9 เดือนแรกปี 2567
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น TFM ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 10.52 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 19.48 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาด อย่างไรก็ตามถ้าดู P/BV ที่ระดับ 1.76 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.43 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 13.90 บาท จากราคาต่ำสุด 15.10 บาท และราคาสูงสุด 12.70 บาท