SABUY ใต้ร่มปีกใหม่.!?

แทบจะกลายเป็นซากปรักหักพังในตลาดหุ้นไปแล้ว สำหรับหุ้นบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ซึ่งปัจจุบันมีสถานะเป็นหุ้นเศษบาท


แทบจะกลายเป็นซากปรักหักพังในตลาดหุ้นไปแล้ว สำหรับหุ้นบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ซึ่งปัจจุบันมีสถานะเป็นหุ้นเศษบาท…สารตั้งต้นมาจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ หลังจาก “ชูเกียรติ รุจนพรพจี” อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้ปลุกปั้น SABUY ขายหุ้นออกไป จนปัจจุบันไม่เหลือถือหุ้นแล้ว ตามด้วยการเปลี่ยนโครงสร้างบอร์ด หลังจากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจ ทยอยขายบริษัทลูก ๆ ออกไป

ในระหว่างนี้ก็มีความพยายามหากลุ่มทุนใหม่เข้ามา ซึ่งมีหลายกลุ่มสนใจนะ…

แต่ช็อตที่น่าสนใจคือการไปเข้าซื้อหุ้น 80% ในบริษัท ลอคบอกซ์ กรุ๊ป จำกัด (LOCKBOX) และหุ้น 80% ในบริษัท ลอคบอกซ์ เวนเจอร์ส จำกัด (LOCKVENT) โดยใช้วิธีออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 360 ล้านหุ้น ให้กับ Insignia Holding Limited (Insignia) ไปแลกแทนการชำระเงินสดมูลค่า 360 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ยังได้ออกหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ Insignia Holding Limited (Insignia) จำนวน 350 ล้านหุ้น และ “วริศ ยงสกุล” จำนวน 50 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1 บาทด้วย

ขณะที่ ล่าสุด SABUY ประกาศงบงวดไตรมาส 3/2567 พลิกขาดทุนบักโกรก 865.24 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 37.28 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกปี 2567 มีตัวเลขติดลบสูงถึง 5,740.52 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 383.84 ล้านบาท

พร้อมประกาศเปลี่ยนชื่อใหม่บริษัทเป็น บริษัท ดับบลิว เอส โอ แอล จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนชื่อหลักทรัพย์เป็น WSOL

หมายความว่าเราจะไม่มีหุ้นที่ชื่อ SABUY ให้เล่นแล้วนะเนี่ย…

ผลพวงจากการเพิ่มทุนข้างต้น ส่งผลให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ SABUY เปลี๊ยนไป๋…มีบริษัท โฮลดิ้ง แอล โค จำกัด ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่เบอร์ 1 จำนวน 360 ล้านหุ้น คิดเป็น 14.80%  ถัดมา Insignia Holding Limited เป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 2 จำนวน 350 ล้านหุ้น คิดเป็น 14.39% ตามด้วย “วริศ ยงสกุล” เป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 3 จำนวน 157.95 ล้านหุ้น คิดเป็น 6.50% ส่วนบริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 4 จำนวน 55 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.26% และ “วิน–อิทธิชัย พูลวรลักษณ์” เป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 5 จำนวน 40.60 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.67%

ขณะเดียวกัน มีการเปลี่ยนตัวแม่ทัพใหญ่อีกครั้ง โดย “วิน–อิทธิชัย” จะมานั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) แทนที่ “วิรัช มรกตกาล”…แต่เอ๊ะ รู้สึก “วิรัช” มาขัดตาทัพได้ยังไม่ถึงปีนะ จะไปอีกแล้วเหรอเนี่ย…

น่าสนใจ SABUY ภายใต้ปีกใหม่จะไปยังไง..??

แต่ถ้าดูโปรไฟล์ของ “วิน–อิทธิชัย” ก็ไม่ธรรมดานะ มีศักดิ์เป็นหลานของ “วิชา พูลวรลักษณ์” เจ้าพ่อโรงภาพยนตร์ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR…ที่สำคัญเป็นเขยเล็กของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” นักการเมืองผู้มากบารมี (วิน–อิทธิชัย เป็นสามีของ “พราว–พราวพุธ ลิปตพัลลภ” บุตรสาวคนเล็กของ “สุวัจน์”)

ในมุมธุรกิจ “วิน–อิทธิชัย” ถือเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เป็นเจ้าของธุรกิจสตาร์ตอัพ LOCKBOX ตู้ล็อกเกอร์รับฝากของอัตโนมัติ (สีเหลือง) บริเวณสถานี BTS และ MRT รวมไปถึงโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ เกาะสมุย และจตุจักรพลาซ่า

ถ้าดูจากภาพลาง ๆ ก็ยังไม่เห็นว่าจะ synergy กันยังไงนะ..??

ก็ไม่รู้ว่า “วิน–อิทธิชัย” จะปลุกปั้น SABUY ต่อยังไง..?? คงเป็นช็อตที่ต้องติดตามกันต่อไป

แต่โจทย์แรกจะแก้ปัญหาภาระหนี้สินท่วมหัวได้กี่โมงก่อน..?? ซึ่งล่าสุดมีการผิดนัดชำระหนี้แบงก์ไป 118.2 ล้านบาท หลังจากก่อนหน้านี้เพิ่งขอเจรจายืดหนี้แบงก์รวมเงินต้นและดอกเบี้ยมูลค่า 75.38 ล้านบาท ออกไป 10 ปี…

ดูจากสถานการณ์แล้วน่าหนักใจแทนจริง ๆ…

เอาน่า…คงต้องให้เวลาเค้าหน่อย…อย่าลืมว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน นะจิบอกให้…

แต่ถึงเวลานั้น ถ้ายังไม่มีอะไรดีขึ้น ก็โกยเถอะโยม..!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button