พาราสาวะถี

เมื่อประชาธิปัตย์กระโดดเข้าร่วมรัฐบาล การทำหน้าที่ฝ่ายค้านจึงเป็นเรื่องของพรรคประชาชนแต่เพียงพรรคเดียว พรรคเล็กพรรคน้อยอื่น ๆ เป็นเพียงแค่ลูกไล่


เมื่อประชาธิปัตย์กระโดดเข้าร่วมรัฐบาล การทำหน้าที่ฝ่ายค้านจึงเป็นเรื่องของพรรคประชาชนแต่เพียงพรรคเดียว พรรคเล็กพรรคน้อยอื่น ๆ เป็นเพียงแค่ลูกไล่ บางทีอาจจะเป็นเสียงหนุนของฝ่ายรัฐบาลไปแล้วทั้งหมด จึงไม่แปลกใจที่การขึ้นเวทีปราศรัยของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่จังหวัดอุดรธานี จะพุ่งเป้าท้าชกข้ามรุ่น จับผิดทุกท่วงทำนองของ ทักษิณ ชินวัตร น่าสนใจว่าบทบาทของพรรคที่เคยเป็นความหวังใหม่ทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ จะเดินตามรอยพรรคเก่าแก่ที่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านดักดานมานานกว่า 20 ปีหรือไม่

ภายใต้อำนาจของทักษิณและเครือข่าย แม้จะถูกรัฐประหารไปเมื่อปี 2549 แต่ก็ยังคงมีพลังต่อเนื่องจนถึงการเลือกตั้งปี 2562 ที่ชนะเลือกตั้งแต่พ่ายแพ้ให้กับกลเกมและกลไกของขบวนการอยู่ยาว ทำให้เผด็จการสืบทอดอำนาจได้อยู่บริหารประเทศนานนับ 10 ปี กระทั่งหลังเลือกตั้ง 2566 พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งแต่ด้วยท่าทีและจุดยืนทางการเมืองที่สุดโต่ง จึงทำให้พิธาตกสวรรค์อดเป็นนายกฯ และนำมาซึ่งการยุบพรรคในที่สุด แล้วเกิดรัฐบาลพลิกขั้ว พร้อมเพื่อไทยที่ถูกตราหน้าว่าพวกตระบัดสัตย์

บอกแล้วตั้งแต่แรก การเมืองเป็นเรื่องระยะยาวตราบใดที่ยังไม่มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ อย่าได้ตัดสินว่าพรรคนั้นจะหมดหวัง หมดอนาคต พรรคนี้กระแสแรงยังไงก็ได้คะแนนเสียงถล่มทลายแน่นอน เห็นได้ชัดว่าหลังจากเกิดรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ที่ทำงานได้ทันทีต่อเนื่องจากสิ่งที่ เศรษฐา ทวีสิน ได้กรุยทางไว้ เป็นผลพวงทำให้คะแนนนิยมดีขึ้นตามลำดับ ความเชื่อมั่น มั่นใจ การให้โอกาสรัฐบาลได้ทำงานจากคนส่วนใหญ่มีให้ต่อเนื่อง

น่าจะเป็นประเด็นที่ทำให้ทักษิณกล้าตัดสินใจกลับสู่สนามการเมืองแบบเปิดเผยอีกคำรบ ตำแหน่งผู้ช่วยหาเสียงของผู้สมัครนายก อบจ.อาจดูต่ำต้อยเกินไปสำหรับอดีตนายกรัฐมนตรีที่เคยได้รับความนิยมสูงสุด แต่นั่นเป็นเพียงหัวโขนตามระเบียบในการหาเสียงของ กกต.ที่วางไว้ เพื่อไม่ให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องต้องถูกหางเลข โดนเล่นงานหากมีผู้ไปยื่นร้องเอาผิดเท่านั้น การกลับมาของนายใหญ่ชวนให้เกิดคำถามมากมาย

ประเด็นหลักคงอยู่ที่ไม่กลัวจะถูกร้องเรียนเอาผิดและมีผลกระทบไปถึงรัฐบาลอย่างนั้นหรือ คนที่มีประสบการณ์เป็นผู้ถูกกระทำมาตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี ย่อมจำบทเรียนที่เคยได้รับมาเป็นอย่างดี ซึ่งต้องไม่ลืมว่าการเกิดขึ้นของกลุ่มเคลื่อนไหวนำไปสู่การล้มล้างระบอบทักษิณนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร วันนี้ไม่เหลือสิ่งนั้นให้ทำได้อีกแล้ว เช่นเดียวกันกับการเอาผิดด้วยการหว่านแหใช้นิติสงครามเล่นงาน ยังคงมีอยู่และเพิ่มมากขึ้นด้วยหลังคดีเศรษฐา แต่ผลนับจากนี้จะไม่เหมือนเดิม

เห็นได้ว่าหลังจากจบภารกิจขึ้นเวทีปราศรัยของทักษิณ กระแสเสียงวิจารณ์ หรือการโจมตีอย่างดุเดือดจากฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ตามมาเหมือนอย่างที่มีการคาดหมายกันไว้แต่อย่างใด มีเพียงพิธาและพรรคประชาชนเท่านั้น ที่ตั้งข้อสังเกตหรือชวนทะเลาะ แต่ไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องมาใส่ใจสำหรับทักษิณและรัฐบาล ส่วนบรรดานักร้องทั้งหลาย ก็มีเพียงแค่รายเดียวที่ไม่พอใจต่อการที่ถูกนายใหญ่เปรียบเปรยว่าเป็น “หมา” ที่คอยเห่าหอน สร้างความรำคาญ

พลังที่สนับสนุนอาจมีส่วนทำให้ทักษิณมั่นใจว่า ยังไงรัฐบาลของลูกสาวจะอยู่รอดปลอดภัย แต่หัวใจสำคัญคงอยู่ที่ความเชื่อที่ว่าเมื่อได้อยู่ในอำนาจ จะสามารถทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ทุกคนลืมตาอ้าปากได้ ภายใต้ความร่วมมือของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต่างก็เข้าใจไปในทิศทางเดียวกันถึงสถานการณ์ทางการเมืองข้างหน้า เพื่อไม่ให้กระทบโครงสร้างขนาดใหญ่ กลไกของการบริหารประเทศยังไงก็ต้องเป็นรัฐบาลชุดเดิม

อีกความสบายใจที่ทำให้บรรดากองแช่งหรือพวกที่เกลียดทักษิณเข้ากระดูกดำไม่ต้องออกมาเคลื่อนไหวให้เปลืองตัวนั่นก็คือ ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะมีบทบาทนำอย่างไร สุดท้าย อดีตนายกฯ ก็ไม่สามารถมีตำแหน่งแห่งหนทางการเมืองได้ อันเนื่องมาจากข้อห้ามตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน น่าจะเป็นการดีเสียด้วยซ้ำ หากได้อาศัยความรู้ ความสามารถที่มีมาช่วยชี้แนะ ชี้นำในการบริหารบ้านเมืองโดยพรรคการเมืองที่ยังอยู่ภายใต้ร่มเงาของฝ่ายอนุรักษนิยม

บางคนถึงกับบอกว่านี่อาจเป็นสูตรผสมที่ลงตัว ในภาวะที่บ้านเมืองต้องการความปรองดอง สมานฉันท์ เพื่อพลิกฟื้นจากความล้มเหลวของการบริหารโดยอำนาจเผด็จการและเผด็จการสืบทอดอำนาจในห้วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา อย่างเดียวที่ต้องไม่ให้เกิดคือการโกงกิน ทุจริตชนิดสวาปามกันปากมัน จะบอกว่าไม่มีเลยคงยาก หากจับมือกันเข้มแข็ง แล้วผลิตผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ คนส่วนใหญ่ยอมรับ เท่ากับเป็นการรับประกันไปค่อนตัว หลังเลือกตั้งยังไงก็ได้กลับมาบริหารประเทศต่อ

ความคึกคักของผู้คนที่แสดงออกต่อการกลับมาของทักษิณ ความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลผ่านโพลหลายสำนัก ถือเป็นจังหวะอันดีที่จะทำให้ทีมงานผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งบางพรรคอาจมีบทบาทเบื้องหน้าฐานะรัฐมนตรีใน ครม.แพทองธาร รวมไปถึงแกนนำของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ได้ใช้เป็นฐานในการประมวล ประเมิน และกำหนดทิศทาง ท่าทีในการขับเคลื่อนโดยเฉพาะทางการเมือง คำพูดของนายใหญ่ที่ว่า พรรคร่วมไม่มีปัญหา เรื่องอะไรที่ไม่เข้าใจก็คุยกันได้ ถือเป็นภาคบังคับที่ต้องเต็มใจ ร่วมมือกันทำ เพราะรู้กันดีว่าหากแตกคอก็เท่ากับหายนะกันทุกพรรค

ขณะที่พรรคประชาชน การเรียกตัวพิธากลับมาจากสหรัฐอเมริกาเพื่อขึ้นเวทีช่วยผู้สมัครนายก อบจ.นั้น คือภาพสะท้อนกระแสที่มีต่อตัวพรรคและผู้นำพรรคในปัจจุบันเป็นอย่างดีว่าแนวโน้มเป็นอย่างไร การถามคนที่มาฟังการปราศรัยของอดีตแคนดิเดตนายกฯ ก้าวไกลว่า อีก 9 ปีตนจะกลับมาเป็นผู้นำประเทศรอได้หรือไม่ ถือเป็นการยอมรับชะตากรรม เข้าใจสภาพทั้งการเมือง และปัญหาเรื่องตัวบุคคลของพรรคแกนนำฝ่ายค้านได้เป็นอย่างดี

อรชุน

Back to top button