TMAN คืนความเชื่อมั่น.!

แหม๊...อุตส่าห์ยืนเหนือจองมาได้ตั้งหลายวัน สำหรับหุ้นยาไอพีโอน้องใหม่ TMAN ล่าสุดหลุดจองไปเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว...


แหม๊…อุตส่าห์ยืนเหนือจองมาได้ตั้งหลายวัน สำหรับหุ้นยาไอพีโอน้องใหม่ บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หรือ TMAN ที่ได้ฤกษ์ยามงามดีวันที่ 22 ต.ค. 2567 เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยไอพีโอ 16.30 บาท ล่าสุดหลุดจองไปเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว…

จะเป็นเพราะภาวะตลาดไม่ดี อยู่ในอาการสามวันดีสี่วันไข้ หรือจะด้วยเหตุผลอันใดก็แล้วแต่…แต่เมื่อหุ้นหลุดจองปุ๊บ สิ่งที่ตามมาปั๊บ คือคำถามที่ว่าเจ้าของขายหรือเปล่า..?? ตั้งราคาไอพีโอสูงไปมั้ย..?? หรือมีปมอะไรซ่อนอยู่ป๊ะเนี่ย..?? ก็ยิ่งซ้ำเติมให้ราคาหุ้นลงลึกไปอีก…

แต่ราคาที่ลงมาอย่างนี้ ก็เป็นจังหวะให้ผู้ถือหุ้นใหญ่เข้าไปซื้อหุ้นเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับคืนมา ขณะเดียวกันก็จะช่วยบรรเทาราคาที่ปรับลดลงไป

ล่าสุดปรากฏชื่อ “คำนวณ คงศุภลักษณ์” ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้ง TMAN และผู้ถือหุ้นใหญ่ซื้อหุ้นเพิ่มเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2567 จำนวน 7 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.7499% โดยทำรายการผ่านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จํากัด

แต่เอ๊ะ…ถ้าดูจากรายชื่อผู้ถือหุ้น 12 อันดับแรก ณ วันที่ 17 ต.ค. 2567 จะพบว่า “คำนวณ” เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 9 จำนวน 6.71 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.68%…แต่อัพเดทล่าสุด ณ วันที่ 19 พ.ย. 2567 กลับถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 20.26 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.0660% กระโดดขึ้นไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ทันที..!!

นั่นแปลว่า ในช่วงเกือบหนึ่งเดือนมานี้ “คำนวณ” ดอดซื้อหุ้นเพิ่มต่อเนื่องอะดิ..!!

แต่แปลกแฮะ…ไม่ยักพบการรายงานธุรกรรมตามแบบ 246-2 ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ และในรายงานแบบ 59 ผ่านเว็บไซต์ก.ล.ต….หรือไม่ต้องรายงาน เอ๊ะ…ยังไงกันเนี่ย..??

ก็ไม่รู้ว่ารอดหูรอดตาตลาดหลักทรัพย์ฯ และก.ล.ต.ไปได้ยังไง..??

เอาเถอะ…เป็นเรื่องของหน่วยงานกำกับที่ต้องไปเสาะหาข้อเท็จจริงกันต่อไป…(ได้ความยังไงก็ช่วยมาบอกกล่าวต่อสาธารณชนด้วยน้า…หลายคนคงอยากรู้)

แต่การที่ผู้ถือหุ้นใหญ่มาเก็บหุ้นเพิ่มอย่างนี้ บ่งบอกว่าบริษัทต้องมีดีไม่น้อยแหละน่า…

ถ้าไปส่องปัจจัยพื้นฐานของ TMAN ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่นะ อยู่ในหมวดธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ เนื่องจากเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จัก อาทิ Propolis (โพรโพลิส) สเปรย์พ่นคอบรรเทาอาการเจ็บคอ ระคายคอ และช่วยให้ชุ่มคอ, ยาแก้ไอตราไอยรา และไมด้า ครีม รักษาโรคผิวหนัง เป็นต้น

ในขณะที่อุตสาหกรรมยาปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาท เป็นตลาดใหญ่ที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

หันไปดูงบในไตรมาส 3/2567 ก็ทำได้ดี…โชว์กำไรสุทธิ 104.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 90 ล้านบาท และมีรายได้จากการดำเนินงาน 537.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการดำเนินงาน 469.6 ล้านบาท

ส่วนงบในงวด 9 เดือนแรกปี 2567 ตุนกำไรสุทธิไว้แล้ว 342.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 340.4 ล้านบาท และมีรายได้จากการดำเนินงาน 1,645.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการดำเนินงาน 1,429.3 ล้านบาท

ในปี 2567 นี้ ถ้าไม่สะดุดยอดหญ้า ก็น่าจะเห็นการเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 6-7% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วงโค้งสุดท้ายของปีจะพีกสุด เพราะเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ เนื่องจากเป็นรอบการเบิกจ่ายงบยาของโรงพยาบาล

ส่วนปีหน้าจะมีการแตกไลน์โปรดักส์มากขึ้น แนวโน้มการเติบโตก็จะมากขึ้นด้วย ก็จะไปช่วยชดเชยไดลูชันเอฟเฟกต์ที่เกิดจากการเพิ่มทุนก่อนเข้าตลาดฯ ได้บ้าง รวมทั้งช่วยบรรเทาความเสียหายจากราคาไอพีโอที่ปรับลดลงได้ไม่มากก็น้อย

เท่าที่ดู…อนาคตก็ยังสดใสอยู่นะ

ส่วนราคาหุ้นที่ปรับลดลง…ถ้าเป็นของแทร่ เดี๋ยวก็คงกลับมา

อย่าลืมว่าทองแท้..ย่อมไม่กลัวไฟนะจ๊ะ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button