อยากเล่น..แต่โดนทุบ (ทุกที)

สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับตลาดหุ้นไทย ณ เวลานี้ก็คือ ต่างชาติยังเป็นคนขายหุ้นแบบจัดเต็มทุกครั้งที่ดัชนีดีดตัวขึ้นรอบใหม่


สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับตลาดหุ้นไทย ณ เวลานี้ก็คือ ต่างชาติยังเป็นคนขายหุ้นแบบจัดเต็มทุกครั้งที่ดัชนีดีดตัวขึ้นรอบใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้แมงเม่าเกิดอาการแหยงกันเป็นแถว และเป็นจุดที่ชี้ให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยยังไปไหนไม่ได้ไกล ถึงแม้จะมีข่าวดีเรื่องไฮซีซั่นเข้ามาช่วยสร้างความเชื่อมั่น แต่เมื่อดูจากยอดขายต่างชาติที่สาดหุ้นออกมาทุกวัน ก็กลบข่าวดีที่มีเข้ามาในแต่ละวันสนิท ดัชนีเลยทำได้แค่ยืนปิดที่ 1,462.48 จุด บวกไป 2.37 จุด ด้วยมูลค่า 3.47 หมื่นล้านบาทค่ะ

สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการเมืองที่มี “ไอ้แดง” กับ “ไอ้ส้ม” การปะทะฝีปากกันอย่างดุเดือด ทั้งที่เป็นแค่การแข่งขันระดับท้องถิ่น แต่ดันขนทีมงานการเมืองระดับประเทศใส่กันไฟแลบแบบนี้ มันน่าสรรเสริญขนาดไหน? เดี๊ยนไม่ต้องเซดให้เปลืองน้ำลาย เพราะเอาเวลาไปสำรวจความพร้อมของตลาดหุ้นไทย น่าจะประเทืองปัญญามากกว่าน่ะซี

เมาท์ถึงเรื่องประเทืองปัญญาขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องกล่าวคำขอบคุณที่คุณพี่ “วิษณุ โชลิตกุล” ให้เกียรติพูดถึงความคิดเห็นของอีฉันในเรื่อง “ความเชื่อ” กับ “ความจริง” และยังชี้แนะเรื่องทฤษฎี “Misbehavior of Markets” (บทความนี้ลงวันที่ 20 พ.ย. 67) ซึ่งเป็นการพูดถึง “ความไม่เหมาะสมของตลาด” นั้น..เดี๊ยนถือเป็นเรื่องที่เข้ากับสถานการณ์ และอยากให้แฟนคลับลองไปอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวสักครั้ง หลังตลาดหุ้นไทยมีพฤติกรรมหลายอย่างเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ

ด้วยเหตุดังกล่าวจึงทำให้นักลงทุนเกิดอาการงงงวยกันเป็นแถว เพราะไม่สามารถเสาะหาข้อเท็จจริงมาอธิบายปรากฎการณ์ดังกล่าวได้แบบหมดจด แถมสิ่งที่ทำได้มีแค่การอธิบายด้วยสัญญาณเทคนิค “โมนิก้า” ถึงพยายามให้นักลงทุนประเมินความเสี่ยงก่อนเคาะขวาทุกครั้ง เพราะหุ้นบางตัวที่มีราคาเกินพื้นฐานไปมาก ก็ยังมีคนเข้าไปไล่ราคาให้สูงขึ้นอีก ขณะเดียวกันจะเห็นว่า หุ้นที่มีราคาต่ำกว่าพื้นฐาน กลับไม่มีคนเหลียวแลซะอย่างนั้น!

โดยเฉพาะเซียนเหยียบเมฆอย่างหุ้น DELTA ถือเป็นช็อตที่สร้างความกังขาใจไม่เลิกเสียที! เพราะหุ้นทำท่าเหมือนจะไปไม่ไหว เพราะวิ่งขึ้นมารับข่าวเยอะแล้ว แต่สุดท้ายก็ขยับขึ้นไปทำไฮได้เป็นประจำ “โมนิก้า” จึงไม่สามารถหาเหตุผลที่ดีมาสนับสนุนการยืนปิดที่ระดับ 173.50 บาท บวกไป 8 บาท หรือขึ้นไป 4.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.36 พันล้านบาท จนต้องลงท้ายด้วยคำว่า “ลางเนื้อชอบลางยา” นะจ๊ะ

เช่นเดียวกับในรายของน้อง TOP ที่มีปัญหามากมายถาโถมเข้าใส่ไม่ยั้ง แต่ยังมีคนกล้าเข้ามาเล่นหุ้นเป็นช่วง ๆ  “โมนิก้า” คงตีความเรื่องดังกล่าวว่า “หมูไม่กลัวน้ำร้อน”  เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า โครงการที่ล่าช้าจะทำให้บริษัทแบกต้นทุนหลังอาน และอาจเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ขาดทุนบานเบอะแบบนี้ เดี๊ยนจึงกล้าพูดได้ทันทีว่า การยืนปิดที่ระดับ 40.25 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 295 ล้านบาท ไม่ใช่โลว์สุดของเที่ยวนี้นะนายจ๋า!

เมาท์ถึงประเด็นที่ทำให้ผิดหวังขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น HANA เพื่อชี้ให้เห็นการทรุดลงต่อเนื่องในเที่ยวนี้ ล้วนเป็นผลมาจากกำไรไตรมาส 3 เกิดอาการทรุดฮวบแบบคาดไม่ถึง จึงทำให้นักลงทุนสถาบันสาดหุ้นออกมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 29.25 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 646 ล้านบาทแบบนี้ มองจากมุมไหนก็ต้องโดนเทออกมาอีก เพราะเขากังวลกันว่า กำไรไตรมาส 4 มีสิทธิ์ลดลงนะตัวเอง

ประเด็นเรื่องผลงานตกกลายเป็นคำอธิบายที่บอกให้รู้ว่า การอ่อนตัวลงแรงของหุ้น EPG ก็มาจากเรื่องผลงานที่ทรุดฮวบเช่นกัน ส่งผลให้การขึ้นของไม่มั่นคงเท่าที่ควร และถ้าไล่ไทม์ไลน์การประกาศงบเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา ราคาหุ้นลงไปทำโลว์ที่ระดับ 4.34 บาท แต่หลังจากนั้นหุ้นก็เด้งกลับขึ้นไปถึง 5 บาท จู่ ๆ วานนี้โดนสาดโครมเดียวลงมากองอยู่ที่ 4.32 บาท ลบไป 0.54 บาท หรือลงไป 11.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 79 ล้านบาท..น่าเป็นห่วงนะคุณพี่!

ตบท้ายกันที่หุ้น DITTO เพื่อชี้ให้เห็นการร่วงลงของราคาหุ้นวานนี้ ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยในมุมของหุ้นที่กำไรโตต่อเนื่อง “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนประเมินการยืนปิดที่ระดับ 16.20 บาท ลบไป 1.40 บาท หรือลงไป 7.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 100 ล้านบาท ทั้งที่กำไรต่อหุ้นงวด 9 เดือนอยู่ที่ระดับ 0.53 บาท โดยทั้งปี 67 มีสิทธิ์ขึ้นไปแตะ 0.70 บาท มันคือแรงหนุนที่ทำให้หุ้นไปต่อสวย ๆ และเมื่อนำมาเทียบบน PE 30 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายแถว 21 บาทแบบนี้..คุณ ๆ ท่าน ๆ คิดว่า มีอะไรที่ผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่ควรจะเป็นไหมเอ่ย?

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button