โดนถล่มยับ
เดี๊ยนจั่วหัวแบบนี้ไม่ได้หมายความว่า ตลาดหุ้นไทยมีปัญหาแต่อย่างใด? แต่กำลังสื่อให้เห็นว่า การทรุดฮวบของดัชนีลงมายืนอยู่ที่ระดับ 1,440.46 จุด ลบไป 22.02 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.15 หมื่นล้นบาท ล้วนเป็นผลมาจากหุ้น DELTA
เดี๊ยนจั่วหัวแบบนี้ไม่ได้หมายความว่า ตลาดหุ้นไทยมีปัญหาแต่อย่างใด? แต่กำลังสื่อให้เห็นว่า การทรุดฮวบของดัชนีลงมายืนอยู่ที่ระดับ 1,440.46 จุด ลบไป 22.02 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.15 หมื่นล้นบาท ล้วนเป็นผลมาจากหุ้น DELTA ทรุดตัวลงแรงตั้งแต่เปิดเทรด ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้ดัชนีลงไปทำโลว์ที่ระดับ 1,436.73 จุดแบบนี้ มันเป็นประเด็นที่ทำให้แมงเม่าแซวกันทั้งน้ำตาว่า นี่ไม่ใช่ “SET INDEX” แต่เป็น “DELTA INDEX” ต่างหาก..อิอิอิ
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องมาดูกันว่า บรรยากาศการซื้อขายคึกคักขนาดไหน? เพราะสิ่งที่เห็นมานับตั้งแต่ปรับเวลาเทรดให้เร็วขึ้นในสมัย “เสี่ยนิด” ก็ไม่ช่วยให้มูลค่าการซื้อขายต่อวันเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด แถมในช่วงหลัง ๆ แมงเม่าที่เคยเทรดในตลาดหุ้นก็ลดลงเรื่อย ๆ “โมนิก้า” จึงอยากถามแฟนคลับว่า วันนี้กล้าเล่นหุ้นหรือเปล่า? เพราะสถานการณ์หลายอย่างมันรวนไปหมดไงล่ะค่ะ
โดยหุ้นที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยไม่สะท้อนความเป็นจริงก็คือ DELTA เพราะการขึ้นลงของหุ้นตัวนี้เพียงตัวเดียว ก็สามารถกำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทยจะไปทางไหนได้ทันที! เดี๊ยนเลยไม่ต้องอธิบายการยืนปิดที่ระดับ 145 บาท ลบไป 28.50 บาท (ทำให้ดัชนีลบ 28.50 จุด) หรือลงไป 16.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.36 พันล้านบาท มีผลทำให้ตลาดหุ้นไทยเละขนาดไหน? เพราะทุกคนได้เห็นเต็มสองลูกตากันแล้วน่ะซี
ขนาดพานทองแท้ PTT ถีบตัวขึ้นหลังจากซึมลงเป็นสัปดาห์ ก็ยังช่วยไม่ได้แบบนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนดูการยืนปิดที่ระดับ 33 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.24 พันล้านบาท ซึ่งช่วยดันดัชนีขึ้นเกือบ 2 จุด แต่สุดท้ายดัชนีก็ยังลงหนักเหมือนเดิมแบบนี้ มันกลายเป็นช็อตที่นักเล่นต้องแยกให้ออกว่า บรรยากาศโดยรวมอาจไม่ดีก็จริง แต่หุ้นตัวนี้ยังมีดีอยู่หรือเปล่า? เพราะมันคือคำตอบของการเล่นหุ้นตัวนี้จ้า!
เช่นเดียวกับในรายของ ADVANC อุตส่าห์เด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 286 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.81 พันล้านบาท และช่วยดันดัชนีขึ้น 1 จุด แต่ไม่สามารถช่วยลดความผันผวนของตลาดหุ้นไทยได้นั้น ก็เป็นประเด็นที่ทำให้อีฉันไม่สบายใจอย่างแรงเช่นกัน เพราะสิ่งที่รับรู้มาตลอดก็คือ นี่เป็นหนึ่งในหุ้นตัวท็อป แต่บรรยากาศลงทุนไม่เป็นใจ หุ้นตัวนี้เลยทำได้แค่ประคองตัว ทั้งที่ช่วงเช้าขึ้นไปถึง 293 บาทเจ้าค่ะ
ส่วนหุ้นขนาดเล็กที่กลับมาผงาดด้วยผลงานโตเท่าตัว แต่รูปแบบการเล่นดุดันเกินไปหน่อย (ลากเร็ว ทุบเร็ว) “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น INET หลังราคาหุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 6.90 บาท ลบไป 0.65 บาท หรือลงไป 8.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 265 ล้านบาท ทั้งที่ 3 วันก่อนเพิ่งทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงแบบนี้ มันเป็นช็อตที่เหมาะสำหรับพวกกล้าได้กล้าเสีย ผนวกกับหุ้นเทรดบน PE 12 เท่า จึงเหลือแก๊ปให้ไปต่ออีกเยอะในแง่ของพื้นฐานซัพพอร์ตนะจ๊ะ
สำหรับรายที่มาด้วยสตอรี่เทิร์นอะราวด์เต็มตัวในปีหน้า เพราะทุกคนเชื่อว่า ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอล “พรีเมียร์ลีก” กับ “เอฟเอคัพ” ที่บริษัทแม่ไปคว้ามาเป็นเวลา 6 ปี จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้า และจะช่วยปั๊มรายได้มหาศาลนั้น ได้กลายเป็นสตอรี่ที่ส่งผลดีโดยตรงกับ MONO เพราะมีช่องทีวีไว้ถ่ายทอดเป็นของตัวเอง นักลงทุนจึงเข้ามาเล่นเก็งกำไรเป็นช่วง ๆ ดั่งเช่นวานนี้ที่หุ้นขึ้นมาปิด 1.75 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 7.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 153 ล้านบาทเจ้าค่ะ
ส่วนหุ้นเก็งกำไรที่เล่นกันดุเดือดอย่าง BTC ก็อาศัยเรื่องบิตคอยน์เป็นตัวชี้นำ ส่งผลให้ราคาหุ้นในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา “พุ่งขึ้น พุ่งลง” ดีเหลือเกิน ซึ่งสังเกตได้จากราคาหุ้นเคยย่ำต๊อกต๋อยอยู่ที่ 0.50 บาท แต่หลังจากนั้นก็พุ่งขึ้นไปที่ 0.60 บาท ต่อจากนั้นก็ทรุดลงมาเกือบใกล้ฐานเดิม ก่อนจะพุ่งขึ้นไปแถว 0.73 บาท แล้วย่อตัวลงมาอีกครั้ง จนวานนี้เห็นราคาหุ้นยืนอยู่ที่ 0.70 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 229 ล้านบาทแบบนี้..ไม่ธรรมดานะเนี่ย
ทิ้งท้ายด้วยเรื่องของ SABUY เพื่อชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนไม่เอาด้วยกับเรื่องยืดหุ้นกู้ และลดดอกเบี้ย ซึ่งกลายเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้ซีอีโอหนุ่มต้องวิ่งแจ้นไปขอเจรจากับผู้ถือหุ้นกู้อีกครั้ง ก่อนจะมีการประชุมรอบใหม่ในวันที่ 12 ธ.ค. และต้องลุ้นกันต่อไปว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร? เพราะได้ยินข่าวแว่ว ๆ มาแต่ไกลว่า ตลท. กับ ก.ล.ต. เริ่มมีอาการหัวร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ เพราะมันเป็นเรื่องเรือหายทั้งบางน่ะซี
โมนิก้า: และทีมงาน