EP ถอน.! BCPG เริ่มปลูก
เห็นข่าวที่ บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป หรือ EP ของ “เฮียยุทธ ชินสุภัคกุล” แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าด้วยเรื่องจะขายโรงไฟฟ้าพลังงานลม 2 แห่ง
เห็นข่าวที่บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ของ “เฮียยุทธ ชินสุภัคกุล” แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าด้วยเรื่องจะขายโรงไฟฟ้าพลังงานลม 2 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตรวม 99 เมกะวัตต์ ในอำเภอ Chu Prong จังหวัด Gia Lai ประเทศเวียดนาม มูลค่ารวม 3,394,932 ล้านดองเวียดนาม หรือประมาณ 4,613.71 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าตามโครงการโรงไฟฟ้า โครงการละ 1,697,466 ล้านดองเวียดนาม หรือประมาณ 2,306.86 ล้านบาท
ตอนแรกก็แปลกใจ จะขายให้ใคร..??
แต่ไม่ต้องรอข้ามวันข้ามคืน เพราะฝั่งคนซื้อ อย่างบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ลูกในไส้ของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ได้แจ้งธุรกรรมการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง มูลค่ารวม 3,394,932 ล้านดองเวียดนาม หรือประมาณ 4,508 ล้านบาท จาก EP เช่นกัน…
อ้อ…ไม่ต้องแปลกใจ ที่เมื่อคิดเป็นสกุลเงินบาทแล้ว ตัวเลขการซื้อขายของทั้ง 2 บริษัทไม่ตรงกัน นั่นเป็นเพราะ EP คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 0.001359 บาทต่อ 1 ดองเวียดนาม ณ วันที่ 22 พ.ย. 2567 ฝั่ง BCPG คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 0.001328 บาทต่อ 1 ดองเวียดนาม ณ วันที่ 21 พ.ย. 2567…โปรดรับทราบตามนี้…
ส่วนรายละเอียดของธุรกรรม…EP ได้อนุมัติให้หลานที่ชื่อ EP Group (HK) Co., Ltd. หรือ EP-HK (ถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัทลูกที่ชื่อบริษัท อีเทอร์นิตี้ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETP) ขายหุ้น EPVN W2 (HK) Co., Ltd. (EPVN) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 2 แห่ง ได้แก่ โครงการ Che Bien Tay Nguyen Wind Power Plant Project มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 49.5 เมกะวัตต์ และโครงการ Phat Trien Mien Nui Wind Power Plant Project มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 49.5 เมกะวัตต์ ให้แก่ BCPG Investment Holdings Pte. Ltd. หรือ BCPGI ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ BCPG นั่นเอง
โดยทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะเปิดดำเนินการในเชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 1/2568 นี้
ความน่าสนใจของดีลนี้อยู่ที่ทำไม EP ต้องขาย..?? และทำไม BCPG ต้องซื้อ..??
ถ้าให้วิเคราะห์ ในมุมของ EP ในเชิงยุทธศาสตร์ชัดเจน สวมบทนักลงทุน “ปั้น (โรงไฟฟ้า) แล้วขาย” จะไม่รอนาน หากได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจก็พร้อมจะขาย เพื่อเอา Cash Flow เข้ามาก่อน จากนั้นก็นำเงินไปลงทุนพัฒนาโครงการอื่นต่อไป…
ยืนยันได้จากก่อนหน้านี้ปั้นแล้วขายมาหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นขายโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มจำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิต 99.216 เมกะวัตต์ ที่เวียดนาม ให้บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC มูลค่าประมาณ 1,259 ล้านบาท รับทรัพย์เข้ากระเป๋าไป 520 ล้านบาท…
จากนั้นก็ขายโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม 4 โครงการ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าที่บ่อพลอย ขนาด 5 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โรง, โรงไฟฟ้าลพบุรี ขนาด 5 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าปราจีนบุรี ขนาด 5 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ ให้กับ BCPG มูลค่า 871 ล้านบาท
ส่วนการขายโรงไฟฟ้ารอบนี้ จะฟันกำไรไปเท่าไหร่..?? มิอาจทราบได้…แต่คงไม่น้อยแหละ…พอดูออก
ดูเหมือนตอนนี้ในวงการเค้ายกฉายา “นักปั้นมือทอง” ให้กับ EP ไปแล้วนะ
ส่วนในมุม BCPG ด้วยมีแม่เป็นบางจาก ซึ่งธุรกิจของบางจากเป็นธุรกิจเก่า อย่างธุรกิจโรงกลั่น ซึ่ง world wide ค้าขายกับต่างชาติ ในขณะที่โจทย์ธุรกิจในยุคปัจจุบันบีบให้ต้องใส่ใจภาวะโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้ต้องแสวงหาพอร์ตพลังงานสะอาดในกลุ่มบางจาก หนึ่งในนั้นคือ การสร้างพอร์ตโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนของ BCPG…
ที่สำคัญหากโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โครงการ COD ได้ตามแผนในไตรมาส 1/2568 นั่นเท่ากับว่า จะสามารถรับรู้รายได้ได้ทันที
ดีลนี้จึงเป็นอีกดีลที่สมประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย…
เพราะ EP อยากถอน (ทุน)…ในขณะที่ BCPG อยากปลูก (โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน) เพิ่ม..!!
ซึ่งถ้าให้เดาทั้ง EP และ BCPG คงเดินเกมของตัวเองต่อไป…โดย EP คงหาจังหวะขายของออกมาอีก ส่วน BCPG ก็หาจังหวะซื้อโรงไฟฟ้าเพิ่ม…
ไม่เชื่อก็รอดูกันต่อไป…
…อิ อิ อิ…