ลุ้นวายุภักษ์ฯ ช่วงโค้งท้าย

ดัชนีตลาดหุ้นไทยคล้ายกับไซด์เวย์ดาวน์ สัปดาห์ก่อนหน้านี้ดัชนีปิดลบทุกวัน หรือ 5 วันติดกันนั่นแหละ หรือจากระดับ 1,446.30 จุด


ดัชนีตลาดหุ้นไทยคล้ายกับไซด์เวย์ดาวน์

สัปดาห์ก่อนหน้านี้ดัชนีปิดลบทุกวัน หรือ 5 วันติดกันนั่นแหละ

หรือจากระดับ 1,446.30 จุด ที่ปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. 2567 ลงมาปิดที่ 1,427.54 จุด เมื่อวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา

หรือลงมารวมกว่า 18.76 จุด

ล่าสุดวานนี้ดัชนีค่อนข้างผันผวนตลอดวัน อยู่ทั้งในแดนบวกและลบสลับกับไป

คือ แทบจะมองทิศทางของตลาดฯ ได้ค่อนข้างยากมาก ๆ

ทว่า มีความเคลื่อนไหวน่าสนใจในตลาดพันธบัตรเมื่อวันศุกร์ที่ 25 พ.ย.

นั่นคือ พบมีการขายพันธบัตรออกมาเกือบ 3 หมื่นล้านบาทจากนักลงทุนสถาบันรายหนึ่ง

มีการประเมินกันว่า อาจจะเป็น “กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง”

เพราะจากการหาข้อมูลแล้ว กลุ่มนักลงทุนสถาบันที่ขายบอนด์ออกมาในมูลค่าสูงขนาดนี้ได้นั้น น่าจะมีเพียงวายุภักษ์ฯ

ยังมีการประเมินด้วยว่า แท้จริงแล้ว วายุภักษ์ฯ นับจากวันที่ 1 ต.ค. 2567 เป็นต้นมา น่าจะใส่เม็ดเงินเข้าตลาดหุ้นไทยไปเพียง กว่า 4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

หรือยังคงเหลือเงินที่ได้จากการระดมทุนเข้ามาประมาณ 1 แสนล้านบาท

และเมื่อวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดหุ้นที่ดัชนีลงมาบริเวณ 1,420-1,430 จุด

น่าจะเป็นจุดรับ หรือจุดขาลงทุนในหุ้นที่เป็นเป้าหมายของกองทุนฯ

สอดรับกับวานนี้ กลุ่มนักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 1,458 ล้านบาท และวิเคราะห์กันว่า น่าจะเป็นเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ฯ

ก่อนหน้ามีข่าวว่า วายุภักษ์ฯ จะต้องเข้าซื้อหุ้นไทยก่อนที่ Thai ESG จะเข้าลงทุน

ไม่อย่างนั้นจะได้ “ของ” (หุ้น) ในราคาแพง

เพราะเงินที่เข้ามายัง Thai ESG ส่วนใหญ่จะต้องรีบเข้าลงทุน เพราะไม่น่าจะมีกองทุนไหนอยากจะถือเงินสดไว้ในมือ เพราะจะเป็นต้นทุนของกองทุนฯ

เช่นเดียวกับวายุภักษ์ฯ ที่นอกจากจะต้องเข้าลงทุนของ TESG

วายุภักษ์ฯ ยังมีภาระเกี่ยวกับการจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน และมีนัดที่จะต้องจ่ายผลตอบแทนงวดแรกราว ๆ เดือนก.พ.-มี.ค. 2568

นับจากนี้เป็นต้นไป

เราน่าจะเห็นนักลงทุนสถาบัน เข้าซื้อหุ้นไทยเรื่อย ๆ และน่าจะช่วยประคองดัชนีหุ้นไทยไม่หลุด 1,420-1,400 จุด

ส่วนกลุ่มหุ้นเป้าหมายของทั้งวายุภักษ์ฯ

เป็นกลุ่มหุ้นที่มีข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วตามที่ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” เคยนำเสนอไป

เช่น กลุ่มบิ๊กแคปที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง

มีการวิเคราะห์กันว่า เป็นหุ้น เช่น ADVANC KTB PTT และน่าจะรวมถึงหุ้น AOT ด้วย

ส่วนกลุ่มหุ้นเป้าหมายของ TESG ค่อนข้างที่จะกว้างกว่าวายุภักษ์

เพราะอาจจะลงมาเลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวในกลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็กได้ด้วย

ต่างจากวายุภักษ์ฯ ที่จะต้องดูทั้งมาร์เก็ตแคป และวอลุ่มเทรด หรือกลุ่มหุ้นที่มีสภาพคล่องในระดับสูง

เราจึงเห็นว่า ช่วงนี้นักวิเคราะห์จะแนะนำให้เลือกเล่นหุ้นบิ๊กแคปเป็นหลัก ในกลุ่ม SET50 (หรืออาจจะเป็น SET25) เพราะหุ้นเป้าหมายของกองทุนฯ มีอยู่เพียงไม่กี่หุ้นเท่านั้น

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button