December Effect

ช่วงปลายปีนี้จะมีปรากฏการณ์ที่ เรียกว่าดีเซมเบอร์เอฟเฟกต์หรือซานต้า คลอส แรลลี่ เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทยหรือไม่


ช่วงปลายปีนี้จะมีปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ดีเซมเบอร์เอฟเฟกต์ หรือ ซานตาคลอสแรลลี่ เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทยหรือไม่ เป็นคำถามที่น่าค้นหาคำตอบอย่างยิ่ง

หากไม่นับช่วงเวลาที่ผ่านมาจากปลายปีก่อน ปลายปีนี้ดูเป็นช่วงเวลาที่ผิดปกติที่สุด  มีสถิติที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนเก๋าเกมทั้งหลายสามารถประมวลเรื่องราวจากตลาดหุ้นสำคัญทั่วโลก (รวมทั้งไทยด้วย) มาสรุปว่า 3 สัปดาห์ระหว่างข้ามปีก่อนวันคริสต์มาสถึงวันที่ 8 มกราคมว่าจะเป็นช่วงเวลาขาขึ้นที่ดีที่สุดของตลาดหุ้น

สถิติดังกล่าวเป็นที่มาของคำนิยามในตลาดหุ้นอเมริกาและยุโรปหลายชื่อ แต่ความหมายล้วนเป็นเชิงบวกทำนองเดียวกันเพียงแต่รายละเอียดแตกต่างกัน

ซานต้า คลอส แรลลี่ หมายถึงช่วงเวลาของการวิ่งขึ้นของราคาและดัชนีหุ้นระหว่างวันคริสต์มาสจนถึงช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี โดยมีคำอธิบายสำคัญเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของแรงซื้อเพื่อการให้ของขวัญกันและกัน การแจกโบนัสพนักงาน การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการลดภาษีสินค้าบริโภคและการซื้อหุ้นเก็งกำไรข้ามปีในเดือนมกราคมที่จะมาถึง

คริสต์มาส แรลลี่ เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานกว่าซานต้า คลอส แรลลี่ คือระหว่างก่อนคริสต์มาสถึง 10 มกราคมปีถัดไปกินเวลาไม่เกิน 3 สัปดาห์ด้วยความหมายเช่นเดียวกัน

January Effect หมายถึงการกลับมาของจังหวะขาขึ้นในช่วงหลังหยุดยาวส่งท้ายปีก่อนต้อนรับปีใหม่ ที่นักลงทุนจะกลับมาซื้อระลอกใหม่ยาวนานจนเกือบสิ้นเดือนมกราคม เพราะช่วงเวลาพักยาวทำให้เปิดมุมมองใหม่ต่อการลงทุนได้และอารมณ์โดยทั่วไปแจ่มใสกว่าเดือนธันวาคมชัดเจน โดยเฉพาะแรงซื้อจะมุ่งไปที่หุ้นขนาดเล็กที่เคยถูกมองข้ามมาในเดือนก่อนหน้าเป็นสำคัญเพราะผลการดำเนินการหุ้นขนาดเล็กจะเหนือกว่าหุ้นอื่นเสมอ แม้ว่าอาจจะมีผลต่อดัชนีรวมไม่เยอะแต่ก็ทำให้มูลค่าซื้อขายคึกคักขึ้นด้วยอย่างมีนัยสำคัญ

December Effect ปรากฏการณ์ของความผันผวนราคาหุ้นที่ต่างกันระหว่างต้นเดือน และปลายเดือนธันวาคมทำให้เป็นเดือนที่พิเศษน่าจับตามอง โดยครึ่งแรกของเดือนจะเป็นจังหวะพักฐานจากแรงเทขายก่อนปิดเทศกาลส่งท้ายปีเก่าที่ขาใหญ่และผู้จัดการกองทุนจะไปพักยาวทำให้ดัชนีหุ้นขึ้นยากแต่ครึ่งหลังของเดือนรายย่อยจะฉกฉวยโอกาสตอนมูลค่าซื้อขายต่ำพากันเข้าซื้อหุ้นเก็บข้ามปีเพื่อเก็งกำไร และหากมีบรรยากาศที่ดีก็จะกำไรมากจากแรงส่งของการคาดเดางบงวดสิ้นปีของบริษัทพื้นฐานดีที่จะทยอยประกาศในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป แล้วอาจจะมีเรื่องการจ่ายปันผลควบคู่ไปด้วย

ปรากฏการณ์ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ไม่ใช่สูตรสำเร็จเพราะเป็นแค่สถิติที่หยาบ และยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างเป็นระบบ ที่สำคัญในบางปีที่วนเวียนกลับก็ไม่เกิดขึ้นและอาจจะทำให้นักลงทุนขาดทุนได้ง่าย 

ทำนองเดียวกันกับสูตรประหลาดที่มีคนพยายามเสนอว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีที่ลงเอยด้วยเลข 0 หรือทุก ๆ 10 ปีจะมีวิกฤตเกิดขึ้นซึ่งไม่จริงเสมอไปเช่นกัน

ดังนั้นการคาดเดาปรากฏการณ์ล่วงหน้าว่าจะมีซานต้า คลอส แรลลี่ จึงตั้งบนสมมติฐานเปราะบางพอสมควร เหตุผลสำคัญคือสถานการณ์ปัจจุบันกับในอดีตที่คำนิยามนี้เกิดขึ้นมาเมื่อ 50 ปีเศษ  แตกต่างกันทั้งในแง่ของกติกา กรรมวิธีเก็งกำไร และตัวสินค้า

สถานการณ์ระยะกลางที่ผ่านมาจะเห็นว่านับจากชัยชนะผิดคาดของโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ จนถึงมติเอกฉันท์เหนือคาดของโอเปกในการลดกำลังการผลิตน้ำมันด้วยแรงส่งของรัสเซีย และสถานการณ์สงครามระหว่างอาหรับกับอิสราเอลมีผลต่อตลาดน้ำมันอย่างรุนแรง

ภาวะทางลบที่เกิดขึ้นมากกว่าแค่ปัจจัยทั้งทางตรงและทางอ้อมอื่น ๆ ทำให้โอกาสที่ดัชนีในช่วงต้นเดือนธันวาคมโดยเฉพาะหุ้นธนาคารและไฟแนนซ์ถูกขายทำกำไร ในขณะที่การคาดเดาว่าโอกาสเต็มร้อยของการขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อกลางเดือนนี้ของเฟดต้องเกิดขึ้น ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์กแกว่งตัวแคบจนขาดนัยสำคัญ ในยามที่สัญญาณเทคนิคระบุถึงการพักฐานสั้น ๆ ในสัปดาห์หน้าเป็นความท้าทายต่อแรงซื้อด้วยศรัทธา

ดังนั้น การพักฐานของวอลล์สตรีทในขณะที่ค่าดอลลาร์เริ่มทรงตัวชั่วคราวไม่กี่วันข้างหน้า จึงเป็นปรากฏการณ์ชั่วคราวแต่ก็ถือเป็นโอกาสที่ทำให้มีมุมมองใหม่ที่เพิ่มความหวังสำหรับการลงทุนว่า ตลาดจะเป็นขาขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนธันวาคมเพราะตลาดรอการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าปีนี้ จากภาวะเงินฝืดหรือเงินเฟ้อติดลบ

ความโน้มเอียงจะเกิดซานต้า คลอส แรลลี่ จึงถือเป็นอารมณ์ที่ส่งผลบวกต่อการลงทุนอย่างแท้จริง 

สำหรับตลาดหุ้นไทยหากไม่นับความยากลำบากทางด้านผลประกอบการของหุ้นกลุ่มสื่อโทรทัศน์ และการสื่อสารแล้วทิศทางขาขึ้นของหุ้นหลักอย่างภาคธนาคาร ภาคค้าปลีก ภาคพลังงานและภาคบริการเป็นสิ่งที่สัมผัสได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงอัดฉีดของภาครัฐที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยังคงสามารถรักษาเสถียรภาพทางอำนาจไว้ได้ชั่วคราว ก็เป็นปัจจัยบวกที่ทำให้คาดเดากันว่าดีเซมเบอร์เอฟเฟกต์จะเกิดขึ้นแม้จะไม่มากนัก แต่ถ้าหากกลุ่มธนาคารยังคงมีผลประกอบการที่ดีและปันผลมากส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์เดือนมกราคม (January effect)

แรงหนุนจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ ให้คำมั่นว่าจะผ่อนคลายกฎระเบียบในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี  ทำให้ตลาดหุ้นคึกคักมากขึ้น เม็ดเงินลงทุนสุทธิที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF  บิตคอยน์และอีเทอร์ในเดือนพฤศจิกายนพุ่งแตะระดับ 6.5 พันล้านดอลลาร์และ 1.1 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ ซึ่งทำลายสถิติเดือนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ น่าจะส่งผลต่อหุ้นปีหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

วิษณุ โชลิตกุล

Back to top button