เรื่องร้อน..ทำเสียทรง
ถ้าดูตามหน้าเสื่อที่เกิดกับตลาดหุ้นไทยจะเห็นว่า ไม่มีข่าวดีชิ้นไหนที่เป็นเนื้อเป็นหนังเลยจริง ๆ แถมนายกไอแพดก็ขยันปล่อยไก่ทุกวัน
ถ้าดูตามหน้าเสื่อที่เกิดกับตลาดหุ้นไทย จะเห็นว่าไม่มีข่าวดีชิ้นไหนที่เป็นเนื้อเป็นหนังเลยจริง ๆ แถมนายกฯ ไอแพดก็ขยันปล่อยไก่ทุกวัน รวมทั้งรัฐมนตรีต่าง ๆ ก็ไม่แอกชันอะไรเลย “โมนิก้า” เลยเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยคงลุ่ม ๆ ดอน ๆ แบบนี้ไปอีกนาน และมีกรอบเคลื่อนไหวหลัก ๆ อยู่ที่บริเวณ 1,420-1,460 จุดแบบนี้ มันเหมาะต่อการเล่นเก็งกำไรมากกว่าซื้อลงทุนระยะยาวนะออเจ้า
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” มองการลงทุนเที่ยวนี้เหมาะต่อการเล่นสั้น ล้วนเป็นผลมาจากสถานการณ์ “เศรษฐกิจ การเมือง สังคม” ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งตัวเลขส่งออกที่เห็นว่าโตกระฉูด พอเอาเข้าจริงกลายเป็นว่า คนกลัว “ทรัมป์” จะเดินหน้าสงครามการค้าแบบสุดซอย จึงมีคำสั่งซื้อเพื่อตุนสินค้าก่อนอเมริกาจะประกาศใช้กำแพงภาษีแบบสูงลิ่วเจ้าค่ะ
ด้วยเหตุนี้จึงต้องทำความเข้าใจการยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,454.76 จุด บวกไป 17.65 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.67 หมื่นล้านบาท ล้วนเกิดจากแรงซื้อของ “กองทุน” เป็นหลัก และเรื่องนี้ดูได้จากสถานการณ์ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเด้งขึ้นแรง มักมีชื่อของกองทุนเป็นผู้ซื้อหลักแทบทุกครั้ง ขณะที่รายย่อยก็ใช้จังหวะดังกล่าวขายหุ้นแบบฉ่ำ ๆ แต่น่าเสียดายที่การขึ้นของดัชนีไทยยังเป็นลักษณะซื้อกระจุกตัวก็เท่านั้นเองจ๊ะ
ในระหว่างที่ตลาดหุ้นไทยขึ้นแรงอีกครั้ง แต่หุ้น EA กลับลงสวนเสียอย่างนั้น และประเด็นที่ทำให้หุ้นเป๋หนักคงมาจากการประกาศเพิ่มทุน 2 บาท ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้นักลงทุนสาดหุ้นออกมาอย่างหนัก และเป็นเหตุให้ราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 5.10 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 12.82% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2,469 ล้านบาทแบบนี้ เดี๊ยนมองเป็นผลกระทบระยะสั้นที่เลี่ยงไม่ได้จริง ๆ แต่หลังจากผ่านช่วงการเพิ่มทุนเสร็จสรรพ ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นกระมัง!
ส่วนเรื่องร้อนใบหุ้นปลอมที่เกิดขึ้นกับ THG ก็ได้รับการเฉลยอย่างเป็นทางการ เมื่อลูกสะใภ้หมอสิ้นบุญถูกตำรวจบุกรวบตัวเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับได้รับคำชี้แจงว่า เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการฉ้อโกงมูลค่าหมื่นล้าน ซึ่งทำให้อีฉันประติดประต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ TSD ได้ทันทีว่า ระบบหลังบ้านของ ตลท. ไม่รั่ว! เพราะสามารถตรวจสอบต้นทาง และปลายทางของใบหุ้นได้ชัดเจน..เดี๊ยนจึงต้องขอบคุณ “รองรักษ์” ที่ตั้งโต๊ะให้ความรู้ไปเมื่อสัปดาห์ก่อนจ้า
เมาท์ถึงเรื่องครอบครัวขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องมองไปที่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับหุ้น TOA เพราะคนในตระกูลนี้โดนคดีเป็นหางว่าว ไม่ว่าจะเป็นเมีย ลูก หรือสะใภ้ ต่างมีชะตากรรมไม่ต่างกัน ส่วนราคาหุ้นในกระดานก็อยู่ในสภาวะซึมกะทืออย่างยาวนานแบบนี้ เดี๊ยนมองเป็นหุ้นต้องห้ามที่แมงเม่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเวลานี้ เพราะฝุ่นควันปัญหายังไม่จางหายไปน่ะซี
ส่วนหุ้นอีกรายที่มีเรื่องราวฟ้องร้องกันนัวเนีย “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นควายทอง CBG หลังมีประเด็นเกี่ยวกับหลอกลวงให้ร่วมลงทุนร้านโชห่วย “ร้านถูกดี” จนนำไปสู่การร้องต่อ “ดีเอสไอ” แบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่สะเทือนกับบริษัทเต็ม ๆ แม้บริษัทจะออกชี้แจงถึงขั้นตอนการดำเนินงานโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ แต่นักลงทุนก็อยากให้ “เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ตะไคร้เป็นเครื่องต้มยำ” นะจะบอกให้
สำหรับรายที่เจอแพทยสภาจวกจนเป๋ไปพักหนึ่ง แต่ตอนนี้เริ่มคลี่คลายไปทีละเปลาะ “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้น MEDEZE เพื่อชี้ให้เห็นการวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 7.90 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.64% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 283 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเริ่มขึ้นครั้งแรกในรอบเดือนครึ่งนับตั้งแต่เข้าเทรดใน SET ก็มีประเด็นให้ขบคิดว่า เที่ยวนี้จะเป็นการกลับตัวขึ้นอย่างจริงจัง หรือแค่เป็นการหยั่งเชิงหลังลงมานาน
ตบท้ายกันที่หุ้น SABUY กันดีกว่า เพราะพวกแมงเม้าท์อยากรู้เหมือนกันว่า เรื่องนี้จะจบอย่างไร? เพราะมองไปทางไหน..ด้านไหน ก็เจอแต่ทางตันทั้งนั้น และมีความเป็นไปได้ที่จะจบลงด้วยการล้มบนฟูกแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียต้องออกมาใช้สิทธิ์ของตัวเองอย่างเต็มที่ เพราะวันนี้ทุกคนเห็นแล้วว่า ธุรกิจของสบาย..มันไม่สบาย เหมือนกับชื่อที่ตั้งไว้เจ้าค่ะ
โมนิก้า: และทีมงาน