พาราสาวะถี

ประเด็นลักษณะนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจาก แพทองธาร ชินวัตร ถูกโจมตีเรื่องไม่ขวนขวายลงพื้นที่ไปดูแลแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้


ประเด็นลักษณะนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจาก แพทองธาร ชินวัตร ถูกโจมตีเรื่องไม่ขวนขวายลงพื้นที่ไปดูแลแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ฉายภาพให้เห็นความแตกต่างของการที่นายกรัฐมนตรีหญิงลงไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ในช่วงที่ผ่านมา เป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามคือปลุกกระแสภาคนิยม หลังจากที่ชูปมคลั่งชาติแล้วทำท่าว่าจะแป้ก ซึ่งอุ๊งอิ๊งก็ตอบคำถามนักข่าวด้วยท่าทีจริงจัง ไม่เคยละเลย พร้อมดูแลให้ทั่วถึง

ปมที่ถูกดึงมาขยายผลคงเป็นการที่นายกฯ หญิงหยิบยกเอาเรื่องสามีและครอบครัวสามีก็เป็นคนภาคใต้ ทำให้ถูกขยี้ว่าถ้าไม่มีเรื่องส่วนตัวก็จะไม่ดูแลใช่หรือไม่ ถือเป็นกระพี้ ปมยิบย่อย หากถามว่าแล้วกังวลว่าจะกระทบต่อฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เห็นกันอยู่ว่าบรรดาแกนนำรัฐบาลที่ลงไปพื้นที่ทันที ไม่ว่าจะ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรียุติธรรม หัวหน้าพรรคประชาชาติ หรือแม้แต่ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหม จากรวมไทยสร้างชาติ ล้วนแต่เป็นพรรคที่มี สส.ในพื้นที่ทั้งนั้น

นั่นหมายความ หากจะเกิดผลกระทบก็จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเหล่านี้เสียมากกว่า แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้รัฐบาลโดยพรรคแกนนำ จะปฏิเสธความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ ทุกอย่างขับเคลื่อนกันในนามรัฐบาล ยึดความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่แบ่งแยกว่าการลงไปดูแลจะเป็นผลงานของคนจากพรรคใด เหมือนกรณีเหตุน้ำท่วมในพื้นที่อื่น มีการระดมกำลังกันไป อาจต่างวัน เวลา แต่เป้าหมายเดียวกันคือ ให้กำลังใจ ช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ก่อนจะเยียวยาและฟื้นฟูหลังทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ

เป็นเรื่องของพวกที่จ้องจับผิด ขาประจำ ไม่เว้นแม้แต่พรรคแกนนำฝ่ายค้านที่เอากับเขาด้วย โดยเฉพาะโฆษกของพรรคประชาชน หากเล่นประเด็นหยุมหยิมแบบนี้ คะแนนนิยมมีแต่สาละวันเตี้ยลง ความสำคัญในการตรวจสอบฝ่ายบริหารต้องเป็นกรณีการทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง หรือการไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ เรื่องของการไม่ลงพื้นที่ ไปดูแลประชาชนใกล้ชิด แล้วหยิบเอาปมครอบครัวมาเล่นงานนั้น ถือว่าไม่สร้างสรรค์ และเป็นการเมืองน้ำเน่า

เหมือนกรณีพวกเตรียมก่อม็อบที่ใช้ปมเอ็มโอยู 44 มาจุดชนวน เวลานี้มีความเคลื่อนไหวฝั่งกัมพูชาบ้าง ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่นั่นเรียกร้องให้มีการยื่นฟ้องศาลโลกให้เอาเกาะกูดคืนไปเป็นของเขมร แน่นอนว่า ประเทศใดก็ตามที่การเมืองยังไม่พัฒนา มุ่งเน้นใช้แต่การโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อให้คนเสพที่ไม่ไตร่ตรองเกิดความบ้าคลั่ง ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัว ความเสียหายจากการบิดเบือนข้อเท็จจริง มุ่งเน้นเอาความสะใจที่จะล้มล้างฝ่ายที่ตัวเองเกลียดขี้หน้าได้ บทเรียนของไทยมีให้เห็นแล้วจากหายนะที่อยู่ภายใต้การบริหารเผด็จการและขบวนการสืบทอดอำนาจ

ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเคลื่อนไหวอย่างไร หากพรรคร่วมรัฐบาลยังจับมือแน่น ไม่แตกคอ ก็จะสามารถทำงานกันไปได้จนครบวาระ การที่ นายแพทย์เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อของเพื่อไทย ออกมาขู่ภูมิใจไทย จะยุบสภาสั่งสอนหากงอแงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ถือเป็นมุมมองและความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่ประเภทหัวไม่ส่ายหางไม่กระดิกเป็นแน่ เพราะแพทองธารที่มีอำนาจในการยุบสภานั้นหนักแน่น และแน่วแน่ที่จะอยู่ทำงานครบเทอม เพื่อพิสูจน์ความสามารถ และสร้างบารมีที่จะได้ไปต่อ

เมื่อมองจากกระแสความนิยมผ่านผลโพลต่าง ๆ ด้วยแล้ว มันไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น ความเห็นต่าง ท่วงทำนองที่แสดงออกเป็นเรื่องของแต่ละพรรคสามารถทำได้ แม้ว่าจะอ้างกันเรื่องมติของที่ประชุมพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค สุดท้าย ทุกเรื่องที่อ่อนไหวหัวหน้าพรรคและแกนนำคนสำคัญที่สามารถชี้แนะ หรือมีอำนาจร่วมกับผู้นำพรรคเท่านั้น ที่จะไปเจรจาและหาข้อสรุปร่วมกัน ยิ่งรัฐบาลพลิกขั้วดีลที่ตกลงกันไว้ จุดต่างต้องตัดทิ้ง หาจุดลงตัวเพื่อสร้างผลงานให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า กระบวนการทางการเมืองนั้น หน้าฉากไม่ได้เป็นอย่างที่เบื้องหลังมีการพบปะ หารือกัน มากไปกว่านั้น ภายใต้ความไว้วางใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ยังมีการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของพวกเดียวกันเอง ไม่ใช่เรื่องการแทงข้างหลัง หรือถือมีดไว้ในมือคนละข้างเวลาพูดคุยพร้อมที่จะประหัตประหารกันได้ทุกเมื่อ แต่เพื่อความสบายใจว่า การบริหารงานร่วมกันนั้นภายใต้การดูแลของพรรคใดพรรคหนึ่งต้องโปร่งใส ไม่มียัดไส้ หรือการกระทำที่จะทำให้สร้างปัญหากับภาพรวมในอนาคตได้ เรียกได้ว่าเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

เป็นที่รู้กันในแวดวงอยู่แล้ว นอกเหนือจากไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวรแล้ว การล้วงข้อมูลจากพวกต่างพรรคถือเป็นงานที่ท้าทาย แต่หากใครสามารถเจาะได้จะถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง แต่ทุกอย่างต้องมีการลงทุน ปัญหาที่ทุกพรรคพยายามจะป้องกันแต่ทำไม่ได้คือ ทำอย่างไรที่จะไม่ให้ข่าวภายในโดยเฉพาะเรื่องสำคัญทั้งหลาย เล็ดลอดไปถึงมือพวกสอดรู้สอดเห็น เพราะมูลค่าของข่าวนั้นขึ้นอยู่กับชั้นความลับ ดังนั้น คนที่ทำหน้าที่ขายข่าว (จากวงใน) จึงมีค่าตอบแทนที่เย้ายวน จนทำให้คนเหล่านั้นกลายเป็นพวกกินบนเรือนขี้บนหลังคาได้อย่างง่ายดาย

การหวนคืนสนามการเมืองอย่างเต็มตัวของ ทักษิณ ชินวัตร โดยมีชะตากรรมของลูกสาวคนเล็กเป็นตัวประกันนั้น ทุกท่วงท่าจึงต้องเต็มไปด้วยความรัดกุม รอบคอบ ประเภทถูกหลอกเหมือนที่ผ่านมามีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยที่สุด ขณะที่พรรคที่ไปทำปฏิญญาเขาใหญ่กันไว้ แม้กุนซือจะได้ชื่อว่าปลาไหลใส่สเก็ต แต่เป็นประเภทที่มีแผลให้หยิบมาขยายได้ เห็นได้จากการสร้างค่ายกลเพื่อเป็นเกราะป้องกันให้ตัวเอง เมื่อเป็นประเภทไก่เห็นตีนงู ทุกอย่างจึงเป็นไปในลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัย ภายใต้การกำกับควบคุมของอำนาจที่สามารถชี้เป็นชี้ตายได้ ความเคลื่อนไหวอื่นใดที่พุ่งใส่รัฐบาลจึงเป็นแค่สีสันให้ได้ลุ้นกันเท่านั้น

อรชุน

Back to top button