‘ห้างเซ็นทรัลชิดลม’ หนุน CRC

เส้นทางนักลงทุน

หนึ่งในธุรกิจที่สร้างรายได้และถือเป็นหัวใจหลักของบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC นั่นคือ “ห้างสรรพสินค้า” ซึ่งสร้างรายได้จากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเข้ามายังบริษัทต่อปีจำนวนมาก

เห็นได้จากผลประกอบการ 9 เดือนแรกที่ผ่านมาของปี 2567 ซึ่ง CRC มีกำไรสุทธิ 6,345 ล้านบาท มีรายได้รวมทั้งสิ้น 193,538 ล้านบาท เติบโต 21% และ 6% จาก 9 เดือนแรกของปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 5,257 ล้านบาท มีรายได้รวม 182,784 ล้านบาท ตามลำดับ

CRC มีรายได้จากการขาย 172,524 ล้านบาท ตัวเลขนี้ส่วนหนึ่งมาจากส่วนงานแฟชั่น ซึ่งมียอดขายมาจากในประเทศไทยและอิตาลีมีการเติบโตดี เพราะในไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากธุรกิจจัดจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ เนื่องจากมีแบรนด์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และจำนวนนักท่อเงที่ยวเพิ่มขึ้น รวมทั้งในช่วงต้นปีที่ผ่านมารัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อผ่านโครงการ Easy E-Receipt

ขณะที่ ส่วนงานฮาร์ดไลน์ดีขึ้นเช่นกัน จากการเปิดสาขาใหม่และการปรับปรุงสาขาเดิม เช่นเดียวกับส่วนงานทางด้านฟู้ด รายได้เพิ่มขึ้นตามเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าว นอกจากนี้ยอดขายจากในประเทศเวียดนามยังเพิ่มขึ้น เพราะมีการเปิดสาขาใหม่ของศูนย์การค้าโก มอลล์ (GO! mall), ไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! และมินิโก รวมถึงยอดขายผ่าน Omnichannel ก็เพิ่มขึ้นมาก

CRC ยังคงมองโอกาสในการเติบโตต่อเนื่อง โดยอย่างยิ่งเมื่อห้างเซ็นทรัลชิดลม สาขาแแฟล็กชิป (Flagship) ซึ่งอยู่ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ที่ได้มีการปรับลุค ปรับโฉมใหม่ ในคอนเซปต์ “The Store of Bangkok” ชูความเป็นห้างสรรพสินค้าลักซ์ชัวรี่ระดับโลกที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดใจกลางกรุงเทพมหานคร ดำเนินการเสร็จหลังจากเปิดให้บริการมาเป็นเวลากว่า 50 ปี

เบื้องต้นผลของการปรับลุค ปรับโฉมใหม่ ทำให้ในระยะเวลา 6 เดือน (1 มิ.ย.-30 พ.ย. 2567) ห้างเซ็นทรัลชิดลมมียอดขายเติบโตสูงถึง 25% ขณะที่ห้างสรรพสินค้าอื่น ๆ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพียง 9-10% คาดว่าในปี 2568 เมื่อการดำเนินการทุกอย่างแล้วเสร็จสมบูรณ์มากขึ้น ยอดขายจะเติบโตเป็น 30%

“ณัฐธีรา บุญศรี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ระบุว่า หลังปรับโฉมเสร็จ คาดจะมีปริมาณผู้ใช้บริการประมาณ 30,000 คนต่อวัน เพราะสามารถดึงลูกค้ามาจากหลากหลายกลุ่มทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น กลุ่ม CENFINITY กลุ่ม Wealth & Premium กลุ่มนี้จะมียอดใช้จ่ายสูง, กลุ่ม Family & Kids หรือกลุ่มครอบครัวที่นิยมใช้เวลาร่วมกันที่ห้างเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน

กลุ่ม Gen Y & Gen Z จะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่มีอิสระทางการเงิน มีแนวโน้มใช้จ่ายสูงในกลุ่มสินค้าทันสมัย เช่น แฟชั่น เทคโนโลยี และเครื่องประดับ รวมถึงกลุ่มสินค้าลักซ์ชัวรี่ที่ตรงกับสไตล์ของตนเอง

กลุ่ม Expat & Tourist เป็นกลุ่มที่ตั้งใจเดินทางมาช้อปปิ้งและท่องเที่ยว โดยทางห้างเข้าไปถึงลูกค้ากลุ่มนี้ด้วยการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ ทั้งจากพันธมิตรสายการบิน บัตรเครดิต โรงพยาบาล เป็นต้น

“เราผ่านการปรับโฉมใหม่เพื่อทำให้ห้างก้าวไปอีกขั้นเป็น No.1 Luxury Department Store เราทุ่มเทประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจห้างสรรพสินค้าที่ดำเนินมาอย่างยาวนานกว่า 77 ปี ภายใต้งบลงทุน 4,000 ล้านบาท เนรมิตห้างเซ็นทรัลชิดลมเป็นห้างลักซ์ชัวรี่ระดับโลกแห่งเดียวของประเทศไทยที่สมบูรณ์แบบที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อให้ทุกคนสามารถ Curate lifestyle ความเป็นตัวตนได้อย่างอิสระ เพราะความลักซ์ชัวรี่ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยราคาเท่านั้น แต่คือการสร้างเอกลักษณ์หรือรสนิยมของทุกคนในแต่ละไลฟ์สไตล์ โดยเรามองว่าโอกาสเติบโตของตลาดลักซ์ชัวรี่ไทยยังมีมาก” ณัฐธีรา บุญศรี กล่าว

ตามแผนงานแล้ว กลุ่มห้างสรรพสินค้าฯ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เตรียมปรับปรุง หรือรีโนเวต ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลอีก 2 แห่ง คือ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ จะใช้งบประมาณกว่า 250 ล้านบาท และปรับปรุงห้างสรรพสินค้าโรบินสัน 1 แห่ง คือ โรบินสินบางรัก ให้เป็นเซ็นทรัลสาขาใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในย่านบางรักมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การออกแบบภายในที่ทันสมัย การปรับปรุงพื้นที่ให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย และการนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล

“ณัฐธีรา บุญศรี” มองว่าการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวยังเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ดีของธุรกิจห้างสรรพสินค้า และฐานลูกค้ามีกำลังซื้อสูงมาก แต่ก็มีความท้าทายในปีหน้าว่ากำลังซื้ออาจจะลดต่ำลง ดังนั้นภาครัฐจึงอาจจะต้องมีมาตรการกระตุ้น เช่น การสานต่อโครงการ Easy e-Receipt การกระตุ้นการท่องเที่ยว ก็จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและส่งผลดีต่อภาคธุรกิจค้าปลีก รวมถึงธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทลด้วย มองว่าตลาดลักซ์ซูรี่ยังสามารถเติบโตได้ดี

โบรกเกอร์มีการประเมินว่าภาพรวมของ CRC ในไตรมาส 4 ปีนี้ แนวโน้มกําไรยังเติบโตได้ดีต่อไป ไต่ระดับทําสถิติสูงสุดของปีได้จากปัจจัยฤดูกาลเป็นไฮซีซั่น (High season) ของธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปี ที่ผู้บริโภคมักมีการจับจ่ายสูงกว่าช่วงอื่น ๆ ขณะที่ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567

การรีโนเวตสาขาต่าง ๆ ที่เริ่มทยอยเสร็จ และบางสาขาจะเริ่มกลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ในไตรมาส 4 นี้ โดยเฉพาะสาขาชิดลม ซึ่งเป็นสาขาหลัก มีกําหนดเปิดตัวในวันที่ 12 ธ.ค. 2567 จะเข้ามาช่วยผลักดันยอดขายช่วงส่งท้ายปี 2567