NUSA–IFEC ความเหมือนที่ต่าง.!?
วันก่อนเห็นบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ชี้แจงการปรับปรุงรายการที่มีนัยสำคัญในงบการเงินปี 2566 และงวดไตรมาส 3/2567 ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง
วันก่อนเห็นบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ชี้แจงการปรับปรุงรายการที่มีนัยสำคัญในงบการเงินปี 2566 และงวดไตรมาส 3/2567 ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง ตามคำสั่งของสำนักงานก.ล.ต. ซึ่งเป็นผลมาจากอดีตกรรมการและผู้บริหารของบริษัทถูกกล่าวโทษ กรณีร่วมกันทุจริตลงทุนซื้อโรงแรมที่ต่างประเทศในราคาที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างมีนัยสำคัญ และกรณีร่วมกันทุจริตขายห้องชุดของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน รวมทั้งการโอนเงินจาก NUSA เข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิด…
ก็อดเป็นห่วงไม่ได้…เกรงว่าสุดท้ายแล้ว NUSA จะมีชะตากรรมไม่ต่างจากหลาย ๆ บริษัทที่มีคดีฉาวโฉ่ก่อนหน้านี้น่ะสิ..!?
แต่ว่าไปแล้วเคส NUSA ก็มีบางส่วนละม้ายคล้ายคลึงกับเคสบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC หรือที่หลายคนรู้จัก มหากาพย์หุ้น IFEC นั่นแหละ..!!
ทั้งสองกรณีอาจต่างกรรมและต่างวาระกัน แต่รูปแบบไม่ต่างกัน…
อย่าง IFEC คงจำกันได้ว่าเคยเป็นหุ้นเก็งกำไรยอดนิยมกับสตอรี่ขายฝันการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน หุ้นเคยถูกลากขึ้นไปจนมีมาร์เก็คแคประดับหลายหมื่นล้านบาท แต่เมื่อไม่เป็นอย่างที่ฝัน แถมมีปัญหาการผิดนัดชำระตั๋วบี/อี ผิดนัดชำระหุ้นกู้ตามมาอีก ก็ทำให้นักลงทุนพากันหนีตายกันจ้าละหวั่น ในขณะที่ผู้ถือหุ้นเดิมอย่าง “นพ.วิชัย ถาวรวัฒนยงค์” ก็ทยอยขายหุ้นออกมา
สุดท้ายจับพลัดจับผลู “ทวิช เตชะนาวากุล” เจ้าของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทนที่ “นพ.วิชัย”…
การขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ IFEC ดูเหมือนอำนาจต่าง ๆ จะตกมาอยู่ในมือ “ทวิช” แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะอำนาจบอร์ดยังเป็นของกลุ่ม “นพ.วิชัย” ทำให้การกระทำใด ๆ กับบริษัทลูกไม่ง่าย…ในที่สุดก็เกิดการฟ้องร้องอีนุงตุงนัง ซึ่งจนถึงวันนี้คดีความก็ยังไม่จบไม่สิ้น
ในขณะที่ตัวบริษัทต้องเดินเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ และถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพยฯ ไปแล้ว…
เป็นการปิดฉากหุ้น IFEC กับตลาดหุ้นไทยอย่างถาวร..!!
กลับมาที่ NUSA หลังจากมีการออกแบบธุรกรรมไปซื้อบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน จากบริษัท ธนา พาวเวอร์ วัน จำกัด (TONE) โดยใช้วิธีออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อนำไปสวอปหุ้นกัน ก็ทำให้ “กลุ่มกิตติอิสรานนท์” นำโดย “เฮียประเดช กิตติอิสรานนท์” ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่แทนที่ “กลุ่มเทพเจริญ” ทันที
แต่การที่ NUSA เป็นโฮลดิ้งคอมพานีที่ถือหุ้นในบริษัทอื่น ๆ ทำให้แอสเซทหลักซ่อนอยู่ในบริษัทลูก ๆ นั่นหมายความว่า แม้ “เฮียประเดช” กุมอำนาจใน NUSA แบบเบ็ดเสร็จ แต่บริษัทลูกยังถูกคุมโดยกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม คือ “เจ๊หมวย”–ศิริญา เทพเจริญ และ “เฮียวิษณุ เทพเจริญ” ทำให้ “เฮียประเดช” เอื้อมไม่ถึง ต้องรอการเปลี่ยนบอร์ดใหม่เสียก่อน ซึ่งใช้เวลานาน…ทำให้เข้าไปแล้วแอสเซทที่มีมูลค่าแทบไม่เหลือแล้ว
เห็นได้ชัดจากกรณีการขายห้องชุดของ NUSA ในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน จนนำมาสู่การกล่าวโทษของก.ล.ต.ก็เกิดขึ้นในยุคบอร์ดชุดที่แล้ว
เอ๊ะ…ดู ๆ ไปเหมือน “เฮียประเดช” จะเสียเหลี่ยมนะเนี่ย..? เพราะเนื้อยังไม่ทันได้กิน หนังยังไม่ได้รองนั่ง แต่ดันมีกระดูกมาแขวนคอซะงั้น…
ต้องติดตามดูว่า “เฮียประเดช” จะแก้เกมนี้ยังไง..??
เอาเถอะ…ยังไม่รู้ว่าฉากจบของ NUSA จะเป็นยังไง..?? แต่ไม่หรอกคงไม่เหมือน IFEC หรอกมั้ง..??
เชื่อว่าระดับ “เฮียประเดช” คงเอาอยู่แหละ..!?
…อิ อิ อิ…