KLINIQ สวยของแทร่!

ธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามก็มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง โดยมีการประเมินในปี 2567 จะมีมูลค่าตลาดประมาณ 71,000-72,000 ล้านบาท


คุณค่าบริษัท

ตราบใดที่ผู้หญิงไม่หยุดสวย…ธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามก็มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง โดยมีการประเมินในปี 2567 จะมีมูลค่าตลาดประมาณ 71,000-72,000 ล้านบาท จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นผลการดำเนินงานของบริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ ซึ่งประกอบธุรกิจคลินิกเวชกรรมด้านผิวหนัง ความงาม ศัลยกรรมตกแต่ง และการดูแลป้องกันฟื้นฟูสุขภาพเติบโตต่อเนื่อง

สะท้อนได้จากงบในไตรมาส 3/2567 ที่มีกำไรสุทธิ 74.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 70.95 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการ 749.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มากำไรสุทธิ 591.54 ล้านบาท

เป็นผลมาจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น 19 สาขา เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ มากขึ้น การลงทุนในยาและอุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มบริการที่หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งการเติบโตของรายได้จากแผนกศัลยกรรมตกแต่งที่มีการตอบรับที่ดีจากลูกค้า

โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทมีสาขาที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 69 สาขา แบ่งเป็น THE KLINIQUE 45 สาขา, L.A.B.X 21 สาขา, THE KLINIQUE SURGERY CENTER 1 สาขา, L’CLINIC 1 สาขา และ KLINIQ WELLNESS SPA 1 สาขา

งบในไตรมาส 3/2567 ของ KLINIQ แม้ไม่ได้เติบโตร้อนแรง แต่ยังเห็นการเติบโต โดยนักวิเคราะห์มองว่างบไตรมาส 3/2567 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี บล.กรุงศรี ระบุว่า ปรับลดประมาณการปี 2567-2569 ลงเฉลี่ย 8% จากรายได้ลดลง แต่โดยรวมมองกำไรผ่านจุดต่ำสุด และจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 4/2567 คาดกำไรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน จากสาขาใหม่ที่เปิดเยอะ ส่วนในไตรมาส 1/2568 เริ่มฟื้นตัว และการคุมค่าใช้จ่าย ขณะที่มองกำไรปี 2568 อยู่ที่ 360 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% ภายใต้การเปิดสาขาที่กลับสู่ปกติ 10 แห่ง โดยมองภาพระยะยาว ศัลยกรรมความงามยังเป็นกลุ่มที่เติบโตได้ดี

ส่วน บล.โกลเบล็ก ระบุว่า ปรับลดคาดการณ์รายได้ปี 2567 ลง 4% เป็น 2,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% และปี 2568 ลง 11% เป็น 3,439 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เติบโตจากยอดขายสาขาเดิมที่มีจำนวน  55 สาขา ในปี 2566 และการเติบโตจากการเปิดสาขาใหม่จำนวน 20 สาขา ในปี 2567 แบ่งเป็นแบรนด์ THE KLINIQUE 10 สาขา และ L.A.B.X 10 สาขา โดยในช่วง 9 เดือนปี 2567 เปิดสาขารวม 14 สาขา ประกอบกับการเติบโตของรายได้ศูนย์ศัลยกรรมที่มีความโดดเด่นเรื่องการทำหน้าอกและการทำจมูก

ส่วนปี 2568 บริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ 10 แห่ง มีสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ระดับ 50.9% และ 51.5% ตามลำดับ ปรับตัวลงจากปี 2566 ที่ระดับ 54.0% จากสัดส่วนรายได้ของแบรนด์ L.A.B.X และ Surgery Center ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีมาร์จิ้นต่ำกว่าแบรนด์ THE KLINIQUE สมมติฐาน SG&A to Sales ที่ระดับ 38.4% และ 38.3% ตามลำดับ ส่งผลให้คาดกำไรสุทธิปี 2567-2568 เท่ากับ 301 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% และ 363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% ตามลำดับ โดยกำไรในช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 คิดเป็นสัดส่วน 73% ของประมาณการใหม่ในปี 2567

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น KLINIQ ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 23.18 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 19.92 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 4.32 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.43 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 37.69 บาท จากราคาต่ำสุด 31.80 บาท และราคาสูงสุด 40.75 บาท

Back to top button