BCP แตกไลน์ขุดแร่.!

หลังจาก บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP ปิดประตูรวบหัวรวบหาง บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO ก็ทำให้โครงสร้างธุรกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้น


หลังจากบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ปิดประตูรวบหัวรวบหางบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นบริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC) ก็ทำให้โครงสร้างธุรกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงกลั่น และธุรกิจค้าปลีก เนื่องจากได้กำลังการกลั่นเพิ่มขึ้น ได้จำนวนปั๊มที่มากขึ้น และเกิดการ Synergy กันมากขึ้น…

จากข้อมูลของ BCP ระบุว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการรับรู้ Synergy มียอดสะสมสูงถึง 4,400 ล้านบาทแล้ว ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 2,500 ล้านบาท…ก็ไม่สูญเปล่านะเนี่ย

แต่เอ๊ะ…นี่ขนาดได้ตัวช่วยจาก ESSO แล้วนะ แล้วไหงผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ไม่ปังอย่างที่คิดล่ะ…มีกำไรสุทธิแค่ 2,168 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เคยทำได้ 14,210 ล้านบาท หายไปเยอะเชียว…

เลยทำให้ BCP ต้องหาลำไพ่พิเศษ…อุ๊ย หาธุรกิจใหม่เข้ามาเติมในพอร์ต ล่าสุดแตกไลน์ไปทำต้นน้ำ ด้วยการเข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองแร่โปแตช..!! หลังจากก่อนหน้านี้ไปทำต้นน้ำผ่าน OKEA ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมในแหล่ง Draugen Field และ Gjøa Field ในประเทศนอร์เวย์มาแล้ว

ดูเหมือน BCP จะหันหัวเรือมาบุกต้นน้ำมากขึ้นนะ..!?

ก็น่าสนใจไพ่ใหม่ของ BCP ซึ่งไฟเขียวให้บริษัทลูกที่ชื่อบริษัท บีซีวี เอ็นเนอร์ยี จำกัด (บีซีวีอี) เข้าไปลงทุนในบริษัท ไทยคาลิ จำกัด ด้วยการซื้อหุ้นเพิ่มทุน…โดยหลังจากการเพิ่มทุนจะทำให้บีซีวีอีถือหุ้นใน “ไทยคาลิ” สัดส่วน 65% และมี “วุฒิชัย สงวนวงศ์ชัย” ถือหุ้น 18.2% ที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยเดิม ถือในสัดส่วน 16.8%

ถ้าไปส่องโปรไฟล์ “ไทยคาลิ” บริษัทนี้ไม่ธรรมดา…ก่อตั้งในปี 2551 มีทุนจดทะเบียนสูงถึง 1,777.93 ล้านบาท

โดยปัจจุบัน “ไทยคาลิ” เป็นเจ้าของเหมืองแร่โปแตชและหินเกลือ ที่ได้รับอนุญาตตามประทานบัตรเลขที่ 28831/16137 ระหว่างวันที่ 7 กรกฎาคม 2558-6 กรกฎาคม 2583 รวมอายุ 25 ปี ครอบคลุมพื้นที่ ต.หนองบัวตะเกียด ต.โนนเมืองพัฒนา อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา รวมเนื้อที่ 9,005 ไร่ 1 งาน 63 ตารางวา มีกำลังการผลิต 134,000 ตันต่อปี

ด้านผลประกอบการ 5 ปีย้อนหลัง มีกำไรสลับกับขาดทุน โดยปี 2562 มีรายได้รวม 1,061.89 ล้านบาท กำไรสุทธิ 790.17 ล้านบาท ถัดมาปี 2563 มีรายได้รวม 58.56 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 279.65 ล้านบาท ส่วนปี 2564 มีรายได้รวม 63.05 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 461.66 ล้านบาท ขณะที่ปี 2565 มีรายได้รวม 2,934.59 ล้านบาท กำไรสุทธิ 736.32 ล้านบาท และปี 2566 มีรายได้รวม 37.97 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 156.26 ล้านบาท

ที่น่าสนใจ ถ้าดูรายชื่อกรรมการของ “ไทยคาลิ” ซึ่งมี 3 คนด้วยกัน แต่ละคนชื่อชั้นไม่ธรรมดา คนแรก “วุฒิชัย สงวนวงศ์ชัย” คนนี้เป็นอดีต สส. จังหวัดชัยภูมิ 7 สมัย และเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในรัฐบาล “ชวน หลีกภัย” ซึ่งมี “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมด้วยนะ

ถัดมาเป็น “ประสงค์ พูนธเนศ” อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ส่วนกรรมการคนสุดท้าย “นฤพรรณ สุธรรมเกษม” คนนี้ปัจจุบันนั่งรักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานยุทธศาสตร์และบริหารความยั่งยืน กลุ่มบริษัทบางจาก นะออเจ้า…

อ้าว…คนของบางจากนั่งเป็นกรรมการของ “ไทยคาลิ” ด้วยเหรอเนี่ย…เอ๊ะ  ชักยังไง ๆ อยู่นะ..??

เอาเถอะ…ดีลนี้จะมีอะไรในกอไผ่อ๊ะป่าว..?? อันนี้มิอาจทราบได้

แต่การแตกไลน์ไปสู่ธุรกิจเหมืองโปแตชเป็นอีกขาของ BCP ซึ่งสุดท้ายจะสร้างผลตอบแทนได้สมกับเม็ดเงินลงทุนหรือเปล่า..?? ต้องติดตามกันต่อไป

แต่เนื่องจากเหมืองโปแตชไทยคาลิยังมีปมร้องเรียนด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่ยังคาราคาซังอยู่…ก็ไม่รู้ว่าการเข้าไปลงทุนของ BCP แทนที่จะได้แร่…อาจได้แค่เศษดินเศษหินแทนอ๊ะป่าว..??

เดี๋ยวจะเข้าทำนอง “เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง แต่ดันมีกระดูกมาแขวนคอ” ซะงั้น…

…อิ อิ อิ…

Back to top button