เกิดอะไรกับ BH-BDMS

หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลลงมาต่อเนื่อง ทั้งโรงพยาบาลขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ในส่วนของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ นำโดย BH และ BDMS


หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลลงมาต่อเนื่อง

ทั้งโรงพยาบาลขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก

ในส่วนของโรงพยาบาลขนาดใหญ่นำโดย บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH

และ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS

ในส่วนของ BH หลังจากนักลงทุนผิดหวังกับผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2567

หุ้นถูดสาดออกมาอย่างหนัก

หรือราคาปรับลงจากระดับ 280 บาท มาเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 200-210 บาท อยู่สักพัก

กระทั่งล่าสุดในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคารูดหนักลงอีก

และหลุด 200 บาท ลงมา เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะมาลงหนักอีกวานนี้ (16 ธ.ค.) -2.50 บาท ปิด 190.50 บาท หรือราคาลงมาปิดต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง

หุ้นโรงพยาบาลอีกแห่งคือ BDMS

ราคาหุ้นหลุด 25.00 บาท  ที่เป็นแนวรับสำคัญด้านจิตวิทยา เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 67

ส่วนวานนี้ลงมาหนักอีกปิด -0.40 บาท มาที่ 24.10 บาท

ว่ากันว่าหุ้นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ 2 แห่งที่ราคาลงมาอย่างหนัก  และร่วงแรง มาจากการ “เทขาย” ของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนต่าง ๆ นั่นแหละ

เพราะหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ขนาดนี้ ร่วงลงแบบที่เป็นอยู่ในขณะนี้นั้น

มีเพียง “กองทุน” เท่านั้น ที่สาดออกมา

วานนี้ พยายามหาคำตอบว่าเหตุใดกองทุนถึง “ปรับพอร์ต” ขายออก

แต่ยังไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่สามารถให้ข้อมูลได้แน่ชัด

ส่วนบรรดาผู้จัดการกองทุนเอง ต่างบอกว่า “ไม่ทราบ” เช่นกัน

หากย้อนกลับไปดูบทวิเคราะห์ของหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้ง BH และ BDMS จะพบว่า ส่วนใหญ่ ยังคงมองเชิงลบกับ BH ในงวดไตรมาส 4/2567

นั่นคือ แนวโน้มรายได้ อาจจะยังไม่ฟื้นตัวดีนัก

จากปัจจัย เช่น การหยุดส่งผู้ป่วยจากคูเวต

นโยบายการส่งผู้ป่วย ไปรักษาที่อื่นของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี

และปัญหาการเมืองในบางประเทศ

ทว่า มีความมั่นใจจากผู้บริหารของ BH ว่า ผู้ป่วยจากประเทศเหล่านี้จะทยอยกลับมาในที่สุด จากจุดแข็งของประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยว เชิงการแพทย์

ส่วน BDMS นั้น หากอ้างอิงจากบทวิเคราะห์ของ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

มีการคาดกำไรงวดไตรมาส 4/2567 จะเพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ปัจจัยหนุนกำไรมาจากรายได้เดือนต.ค. 67 เพิ่ม 3%

โดยมีข้อมูลอ้างอิงด้วยว่า ผู้ป่วยไทยทรงตัวจากโรคระบาด ต.ค.ปี 2566 สูงกว่าปกติ ก่อนกลับมาเติบโตดีขึ้นได้ ในช่วงที่เหลือของปี

ส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่ม 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเป็นระดับใกล้เคียงกับเดือนต.ค. 67

ส่วนกำไรปีนี้เติบโต 11% และเติบโตต่อเนื่องอีก 10% ในปี 2568

ด้านเทคนิค แนวรับ 24.5-24.8 และแนวต้าน 26.5-27.25

เท่าที่มีข้อมูลขณะนี้ จึงยังไม่ได้พบข้อมูลเชิงลบอย่างมีนัยฯ กับหุ้นทั้ง BH และ BDMS

สรุป การขายหุ้นทั้ง BH BDMS ของกองทุน อาจจะมีข้อมูลสำคัญ (เชิงลบ) ที่บรรดากองทุนเริ่มรับรู้แล้ว

แต่นักลงทุนทั่วไปยังไม่ทราบ (หรือเปล่า)

หรือไม่ก็ขายเพื่อปรับลดความเสี่ยง

หรือไม่ก็ขายทำกำไรแบบปรับพอร์ตตามปกติ

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button