ไม่ขายก็ติดดอย
สิ่งที่อยากจะบอกมากสุดในครั้งนี้ก็คือ สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยสู้ดีในตอนนี้ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่หดหายลงไปเรื่อย ๆ
สิ่งที่อยากจะบอกมากสุดในครั้งนี้ก็คือ สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยสู้ดีในตอนนี้ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่หดหายลงไปเรื่อย ๆ มันคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นแบบไม่ลังเลใจ ผนวกกับมาเจอความไม่ตรงไปตรงมาของบริษัทยักษ์ใหญ่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยดูไม่ดีเอามาก ๆ ในสายตาของนักลงทุนสถาบัน ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยเป๋ไม่เป็นขบวนไงล่ะคะ
ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกใจที่นักลงทุนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากไม่ขายก็ติดอย! เพราะเชื่อว่า แรงขายยังไม่สะเด็ดน้ำ และตลาดหุ้นไทยยังมีเรื่องร้อน ๆ เตรียมที่จะปะทุขึ้นมาเป็นระลอก รวมทั้งการดีดกลับของดัชนีที่เกิดขึ้น.ก็ค่อนไปในทางภูเขา 3 ยอดที่ต่ำลงเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ถึงมองว่า ดัชนีมีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณ 1.382 จุดในไม่ช้า ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ว่า นักเล่นกล้าช้อนไหมเจ้าคะ
เนื่องจากวานนี้ได้เห็นดัชนีสู้สุดตัวแล้ว แต่ก็ทำได้แค่การประคองตัวปิดที่ระดับ 1,398.95 จุด บวกไป 3.38 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.78 หมื่นล้านบาท จึงต้องจับตาดูว่า วันนี้ยังประคองตัวให้รอดไปอีกวันได้ไหม? เพราะเดิมทีคิดว่า วานนี้จะไม่รอดสันดอน หลัง กนง.คงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25% แต่ตลาดหุ้นก็ไม่ตกใจเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งเหมือนบอกใบ้ให้รู้ว่า ตลาดหุ้นไทยชินชากับเรื่องเดิม ๆ นะตัวเอง
วันนี้เลยต้องถามนักเล่นว่า อาการของแบงก์สีเขียว KBANK ที่ทำท่าเหมือนจะไปต่อไม่ไหว และมีแรงขายออกมาอุตลุดเมื่อวันก่อน แต่วานนี้เด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 154.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 0.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.04 พันล้านบาท เหมือนเป็นการสื่อให้รู้ว่า หุ้นกำลังจะกลับขึ้นไปทดสอบยอดเดิมที่บริเวณ 160 บาทใช่หรือไม่!..หากไม่ใช่ ก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลนะตัวเอง
เหมือนกับการเด้งกลับของหุ้น CPAXT ทั้งที่สร้างความขุ่นข้องใจให้กับนักลงทุนเป็นจำนวนมากนั้น “โมนิก้า” มองเป็นแค่การรีบาวด์ธรรมดา ๆ ที่ไม่สามารถฝากความหวังอะไรได้ทั้งสิ้น เพราะข่าวสารต่าง ๆ ที่แพร่สะพัดยังไม่นิ่งแบบนี้ ย่อมทำให้หลายคนตั้งคำถามเกี่ยวกับความโกลาหลแบบเมื่อวันก่อน ๆ จะเกิดขึ้นอีกไหม? เลยทำให้การยืนปิดที่ระดับ 27.50 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.36 พันล้านบาท ยังไม่ได้พิสูจน์อะไรทั้งนั้นจ้า!
ขนาดหุ้นอิเล็กทรอนิกส์พิมพ์นิยมอย่าง KCE ยังต้องพ่ายแพ้ตัวเองด้วยเรื่องกำไรไตรมาส 3 ลดครึ่งหนึ่ง จนเป็นเหตุให้นักเล่นเทขายหุ้นแบบมาราธอน ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า เมื่อนักลงทุนไม่เชื่อมั่นในความสามารถทำกำไร มักลงเอยด้วยการขายหุ้นทิ้งแบบไม่ดูดำดูดี จนวานนี้หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 21.70 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 632 ล้านบาทแบบนี้..มันจบแล้วค่ะนาย
ส่วนรายที่ยังเฉิดฉายแบบ “โนสน โนแคร์” อย่างหุ้น EE ถือเป็นกรณีศึกษาที่ชี้ให้เห็นว่า คนชอบเล่นหุ้นร้อน ก็ยังชื่นชอบต่อไป..ส่วนคนที่ไม่กล้าเสี่ยง ก็ไม่ต้องเผือกอะไรทั้งนั้น “โมนิก้า” จึงไม่มีความจำเป็นต้องคอมเมนต์อะไรมากมาย เพราะแค่เห็นหุ้นยืนปิดที่ระดับ 0.66 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 4.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50 ล้านบาท ก็สันนิษฐานได้ทันทีว่า คนที่ยังกล้าเล่นหุ้น..ก็คงไม่ธรรมดาเหมือนกัน..อิอิอิ
ในเมื่อเม้าท์ถึงเรื่องประหลาดขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็ขอเอ่ยถึงหุ้น HMPRO เป็นรายถัดมา เพราะหุ้นแกว่งตัวไปมาในกรอบ 9.25-9.95 บาทมาเป็นเดือน จู่ ๆ วานนี้โดนสาดโครมเดียวลงไปทำโลว์ที่ 9 บาท ก่อนจะตีกลับขึ้นมาปิดที่ 9.30 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 546 ล้านบาท มันตีความได้อย่างเดียวว่า งบไตรมาส 4 อาจออกมาไม่ดีเหมือนที่หวัง และมีสิทธิ์ลงไปแถว 7.50 บาทอีกครั้งก็เป็นได้น่ะซี
ตบท้ายกันที่หุ้นเก็งกำไรอย่าง BTC เพื่อชี้ให้เห็นแรงขายที่ออกมาพร้อมกับวอลุ่มเป็นจำนวนมากในช่วง 3 วันนี้ น่าจะสื่อให้รู้ว่า เจ้ามือลุกออกจากวงเป็นที่เรียบร้อย ถึงปล่อยให้ราคาหุ้นไหลลงมาเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่สวนทางกับราคาบิตคอยน์ที่ยังอยู่ในระดับสูงแบบนี้..คุณ ๆ ท่าน ๆ มีความคิดเห็นเหมือนกับเดี๊ยนไหมเอ่ย? หรือใครมีความคิดเห็นอย่างไรก็บอกกันได้ หลังหุ้นยืนปิดที่ระดับ 0.60 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 3.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41 ล้านบาทแล้วนะจ๊ะ
ประกาศ..ประกาศ Z.COM เตรียมเคลียร์บัญชีมาร์จิ้นที่มีอยู่ 800 ล้านบาทในวันที่ 20 ธ.ค.แบบนี้..หุ้นคงดูไม่จืดอีกกระมัง!
โมนิก้า: และทีมงาน