หุ้นไทยเลือดไหลไม่หยุด

ความวุ่นวายของตลาดหุ้นไทยในเรื่องธรรมาภิบาลตกต่ำ ได้กลายเป็นสนิมเนื้อในที่ทำให้นักลงทุนสถาบันพากันขายหุ้นทิ้งต่อเนื่อง


ความวุ่นวายของตลาดหุ้นไทยในเรื่องธรรมาภิบาลตกต่ำ ได้กลายเป็นสนิมเนื้อในที่ทำให้นักลงทุนสถาบันพากันขายหุ้นทิ้งต่อเนื่อง เพราะไม่รู้ว่ามีอะไรซุกซ่อนไว้ใต้พรมเหม็น ๆ เยอะขนาดไหน? มันกลายเป็นตลกร้ายที่ทำให้ “โมนิก้า” ยืนน้ำตาซึมทุกครั้งที่ได้ยินนักลงทุนพูดถึงตลาดหุ้นไทยในแง่ลบถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดว่านักลงทุนกำลังสูญสิ้นศรัทธาอย่างแรงนะออเจ้า

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” สังหรณ์ใจว่า แนวรับสุดท้ายที่บริเวณ 1,382 จุดอาจเอาไม่อยู่! เพราะเมื่อมองจากมุมต่าง ๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรที่จับต้องได้สักอย่าง จึงทำให้นักลงทุนเกิดอาการแพนิกทุกครั้งที่มีอะไรไม่ชอบมาพากล พร้อมกับมีการชี้เป้าไปยังหุ้นตัวอื่น ๆ ว่าฝีใกล้แตก? เลยทำให้นักลงทุนส่วนมากเร่งขายหุ้นเพื่อปิดความเสี่ยงแบบนี้ แล้วหุ้นไทยจะตีกลับขึ้นไปได้อย่างไรล่ะคะ

ที่แย่สุดเห็นจะเป็นรัฐบาลที่มัวแต่งมโข่งทำอะไรก็ไม่รู้ จึงปล่อยให้สภาพเศรษฐกิจ และสภาพสังคมเสื่อมโทรมลงทุกวัน ซึ่งกระทบโดยตรงกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นเวลา 2 เดือนเต็ม ๆ ผนวกกับวานนี้โดนทุบลงไปกองอยู่ที่ 1,382.93 จุด แต่ระหว่างวันพยายามเด้งสู้แรงขาย ก่อนจะทรุดตัวลงอีกรอบ พร้อมกับยืนปิดที่ระดับ 1,377.53 จุด ลบไป 21.42 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.92 หมื่นล้านบาท ก็ใช่ว่าวันนี้จะไม่โดนจัดหนักแบบนี้อีกนะจ๊ะ

ที่น่าสนใจคือ แรงขายเที่ยวนี้มุ่งไปยังกลุ่มหุ้นที่วายุภักษ์ถือครองเสียด้วย บรรดาแมงลือเลยเมาท์มอยกันว่า อาจเป็นกองทุนนกที่ขายหุ้นออกมาก็เป็นไปได้แบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์ทราบให้เสร็จสิ้นเสียก่อนกระมัง!..แต่ที่แน่ ๆ คือ บรรดาหุ้นร้อนที่มีประเด็นให้แมงลือซุบซิบนินทาโดนกระหน่ำถ้วนหน้า จนเดี๊ยนวิตกจริตว่าวันนี้อาจโดนชำเราแบบไม่ยั้งนะนายจ๋า!

โดยเฉพาะในรายของ CPALL ที่ตอนนี้โดนประเคนทั้ง “หมัด เข่า ศอก” ไม่ยั้งตลอดเวลานั้น ล้วนเป็นผลมาจากการกระทำที่ชวนสงสัย จึงไม่ต้องไปถือโทษโกรธใครทั้งสิ้น เพราะดันทำตัวเองให้มีปัญหา จนวานนี้ทริสเรทติ้งออกมากระทุ้งซ้ำด้วยการประกาศเตรียมลดเครดิตแบบนี้ หาทางกลับบ้านไม่เจอแน่นอน และการที่หุ้นยืนปิดที่ระดับ 54.50 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 3.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.14 พันล้านบาท ก็แสดงว่าไม่มีคนเอาค่ะ

เช่นเดียวกับสภาพของหุ้น CPAXT ก็ไม่ต่างอะไรจากรายแรก เพราะความกังขายังอยู่ในใจนักลงทุน จึงทำให้คำอธิบายเกี่ยวกับการลงทุนใน “Happitat” เป็นการต่อยอดธุรกิจของห้างโลตัสสมัยใหม่ ไม่ได้สร้างความสบายใจให้กับนักลงทุนสักเท่าไหร่? วานนี้จึงเห็นแรงขายไหลออกมาเป็นระยะ จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 26.25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 4.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 766 ล้านบาท แบบนี้..ฟื้นยากค่ะ

ส่วนรายที่สร้างความแปลกใจให้เดี๊ยนเหลือเกิน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น GULF เป็นรายถัดมา เพราะทุกคนรับรู้มาตลอดว่านี่เป็นหุ้นที่กองทุนนกชื่นชอบมากที่สุดตัวหนึ่ง แต่เหตุไฉนราคาหุ้นถึงไหลต่อเนื่องร่วมสองสัปดาห์ จนสุดท้ายราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 58.75 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.73 พันล้านบาท แบบนี้..ใครรู้เหตุผลช่วยบอกให้อีฉันรู้หน่อยเจ้าค่ะ

ประเด็นของหุ้นที่ไหลลงต่อเนื่อง ทำให้เดี๊ยนต้องเอ่ยถึงหุ้น TIDLOR ขึ้นมาทันที เพราะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ซึมลงจากระดับ 18 บาททุกวัน จนวานนี้ลงมายืนอยู่ที่ระดับ 15 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 665 ล้านบาท ทั้งที่ตอนนี้หุ้นเทรดบน P/E 11 เท่าแค่นั้นเอง! อีฉันเลยไม่แน่ใจสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนสถาบันรินหุ้นออกมาทุกวัน และกังวลใจเป็นอย่างยิ่งว่าหุ้นจะลงไปหาโลว์เก่าที่บริเวณ 12.50 บาทนะนายจ๋า!

ส่วนคนที่ทำ all time low ครั้งแล้ว..ครั้งเล่าอย่างหุ้น OR อาจเป็นภาพบาดใจสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับอีฉันบอกได้เลยว่าไม่แปลกใจที่หุ้นตกต่ำได้เพียงนี้ เพราะเมื่อดูจากผลงานที่ไม่ตามเป้า และการต่อยอดของธุรกิจที่ไม่ชัดเจน ย่อมเป็นแรงบีบคั้นให้นักลงทุนขายหุ้นออกไป และการลงมายืนปิดที่ระดับ 13 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 98 ล้านบาท ก็เชื่อได้ทันทีว่าไตรมาส 4 คงพลาดเป้าอีกตามเคยพะย่ะค่ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button