สัปดาห์ของการสิ้นหวัง?

ในเมื่อสถานการณ์หลายอย่างไม่เป็นเหมือนที่คาดหวัง และเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนหยุดยาว “โมนิก้า” ก็เชื่อได้ทันทีว่า บรรยากาศการลงทุนก็คงหงอยเหงาอีกตามเคย


ในเมื่อสถานการณ์หลายอย่างไม่เป็นเหมือนที่คาดหวัง และเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนหยุดยาว “โมนิก้า” ก็เชื่อได้ทันทีว่า บรรยากาศการลงทุนก็คงหงอยเหงาอีกตามเคย เพราะตลาดหุ้นคอยเงี่ยหูฟังแต่ข่าวร้าย ส่งผลให้นักลงทุนบางกลุ่มเลิกมองตลาดหุ้นชั่วคราว และเตรียมตัวไปพักผ่อนช่วงส่ง “ท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่” กันเป็นแถวแบบนี้..มันมีอะไรที่อีฉันหวังได้อีกล่ะคะ

ประกอบกับตอนนี้มีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมีทั้งเรื่องของบิตคอยน์ และทองคำเข้ามาเป็นตัวเลือกที่มาแรงแบบนี้ “โมนิก้า” เลยสันนิษฐานว่า เงินที่ไหลออกจากตลาดหุ้นจะไปกองอยู่ที่ตลาดดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ซึ่งเหมือนเป็นการดูดสภาพคล่องของเม็ดเงินทั่วโลกออกไปเรื่อย ๆ ย่อมเป็นเรื่องที่กระทบโดยตรงกับตลาดเกิดใหม่อย่างมีนัยสำคัญนะออเจ้า

ที่น่าสนใจก็คือ หากเปรียบเทียบกับกำไรบริษัทจดทะเบียนของไทยที่โตน้อยมาก เทียบกับสถานการณ์ของตลาดหุ้นในตอนนี้ พ่วงด้วยเสียงร่ำลือที่พูดกันหนาหูว่า ปีหน้าเผาจริง! “โมนิก้า” เลยเข้าใจเหตุผลที่ดัชนีทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,365.07 จุด ลบไป 12.46 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6 หมื่นล้านบาท เพราะตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวในมุมต่าง ๆ ผนวกกับการเมืองก็ซัดกันนัว..ผู้คนก็เลยสิ้นหวังพะย่ะค่ะ

ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงไปยังหุ้น TOP โดยตรง เพราะมีประเด็นร้อนตามหลอนไม่เลิก จนราคาหุ้น “ทรุดแล้ว..ทรุดอีก” ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 27.25 บาท ลบไป 7.75 บาท หรือลงไป 22.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.23 พันล้านบาท อาจเป็นสภาพที่ดูไม่ดีก็จริง แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นว่า ผู้บริหารต้องการตัดจบเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ UJV จึงต้องงบลงทุนอีก 6 หมื่นล้าน เพื่อทำให้โครงการเสร็จตามแผนในปี 71 แบบนี้..อีกสักพักก็ฟื้นแล้วล่ะ!

เรื่องดังกล่าวคล้ายคลึงกับหุ้นโรงพยาบาลน้องใหม่ NKT ที่เปิดเทรดมาปุ๊บ ก็โดนสาดทิ้งปั๊บ แต่ในระหว่างวันก็มีแรงซื้อเข้ามาดันหุ้นเป็นระยะ จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 6.10 บาท ลบไป 1.70 บาท หรือลงไป 21.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 575 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของบรรยากาศการลงทุนที่ไม่เอื้อ รวมทั้งนักลงทุนกำลังอยู่ในช่วงขวัญเสีย เลยทำให้สภาพของหุ้นดูไม่ค่อยดี แต่ในระยะยาวก็คงฟื้นตัว..เดี๊ยนเชื่อแบบนั้นค่ะ

ส่วนรายที่น่าขบคิดว่า “ไปต่อ” หรือ “พอแค่นี้” เดี๊ยนขอมองไปที่หุ้นต่ำสิบสายฝอ CCET เป็นรายถัดมา เพราะอาการทิ้งตัวลงแรงตั้งแต่เปิดเทรด ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 9.65 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 7.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.77 พันล้านบาท ท่ามกลางค่า PE ทะลุขึ้นไปถึง 52 เท่าแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมเสี่ยงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่นักลงทุนบางคนอาจไม่ได้คิดเช่นนั้นก็ได้..อิอิอิ

สำหรับรายที่ “โมนิก้า” คิดว่า ลงมาเยอะพอสมควร และราคาที่เล่นก็เป็นฐานเก่า แต่สุดท้าย STGT ก็ถูกกระหน่ำขายแบบไม่มีเยื่อใย จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 9.25 บาท ลบไป 0.95 บาท หรือลงไป 9.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 183 ล้นบาท มันเป็นเกมที่บีบหัวใจอย่างหนัก เพราะหลายครั้งที่หุ้นลงแรง พร้อมกับหลุดแนวรับลงมาคราใด หุ้นมักมีลักษณะลงยาวเป็นประจำน่ะซี

เช่นเดียวกับในรายของ MONO ก็อยู่ในอาการแกว่งตัวลงร่วมสัปดาห์ หลังจากเด้งรับข่าวดีเป็นที่เรียบร้อยแบบนี้ “โมนิก้า” กล้าพูดได้ทันทีว่า จบรอบ! และต้องรอของจริงที่ว่าด้วยเรื่องกำไรปีน้าจะมาจริงไหม? จึงรู้สึกเฉย ๆ เมื่อราคาหุ้นย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 2.02 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 7.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 142 ล้านบาท พร้อมกันนั้นก็อย่าลืมว่า บรรยากาศตลาดหุ้นไม่เอื้อให้เล่นยาว ๆ การชิงขายหุ้น จึงเป็นทางออกที่ดีค่ะ

สำหรับในรายของ PROEN ที่ร่วงลงมาติดฟลอร์ตั้งแต่หัววัน “โมนิก้า” ก็รู้ได้ทันทีว่า นี้คือการถูกฟอร์ซเซลอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อมีฟลอร์แรกเกิดขึ้น มักจะมีฟลอร์ที่สองตามมาติด ๆ และอาจมีฟลอร์ที่สามเกิดขึ้นอีกก็เป็นไปได้ เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 2.66 บาท ลบไป 1.16 บาท หรือลงไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 141 ล้านบาท ยังน่าสนใจอีกเหรอจ๊ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button