ใครก็ไม่รักหุ้นขยะแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
บริษัทบริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) หรือ GENCO เป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่ถูก 2 บริษัทจดทะเบียนในตลาดด้วยกันอย่าง SUPER EARTH และ TFD ปฏิเสธไม่ยอมซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ทาง GENCO เสนอขายไป ตามที่มีท่าว่าจะตกลงกันแต่แรก โดยให้เหตุผลว่า เงื่อนไขเรื่องระยะเวลาการลงทุนใน GENCO ยังไม่สอดคล้องกับแผนงานโดยรวมของกลุ่มบริษัทที่จะซื้อ
บริษัทบริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) หรือ GENCO เป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่ถูก 2 บริษัทจดทะเบียนในตลาดด้วยกันอย่าง SUPER EARTH และ TFD ปฏิเสธไม่ยอมซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ทาง GENCO เสนอขายไป ตามที่มีท่าว่าจะตกลงกันแต่แรก โดยให้เหตุผลว่า เงื่อนไขเรื่องระยะเวลาการลงทุนใน GENCO ยังไม่สอดคล้องกับแผนงานโดยรวมของกลุ่มบริษัทที่จะซื้อ
รายละเอียดมีอยู่ว่า บริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี จำกัด (SUPER EARTH) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER และ บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TFD ยกเลิกซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบุคคลในวงจำกัดของบริษัทรวมจำนวน 700,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคา 2 บาทต่อหุ้น มูลค่ารวม 1,400,000,000 บาท
งานนี้ นอกจากต้องกินแห้วแทนเงิน 1.4 พันล้านบาทแล้ว ยังทำให้โอกาสเพิ่มทุนเคว้งคว้างไปเลย และส่งผลต่ออนาคตพอสมควรว่า แผนธุรกิจที่วางเอาไว้ล่วงหน้า จะไปต่ออย่างไร
เดิมทีนั้น GENCO ก็เป็นหุ้นเงียบๆ ทำธุรกิจกำจัดขยะ ทำธุรกิจมาเงียบๆ แต่หลายปีมานี้ เกิดเนื้อหอมกะทันหัน เพราะธุรกิจกำจัดขยะผ่านเตาเผา กลายเป็นธุรกิจทองคำแห่งอนาคตขึ้นมา เนื่องจากมีการเชื่อมโยงว่า สามารถนำไปต่อยอดเป็นโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะได้
ราคาหุ้นของ GENCO กลายเป็นหุ้นที่หวือหวาอย่างมากในช่วงปี 2557 เพราะวิ่งจากระดับที่เคยอยู่ที่ระดับ 0.70-0.80 บาท มาขึ้นไปที่ ระดับ 3 บาท วิ่งขึ้นลงหลายรอบ ทำให้บรรดานักลงทุนระดับแมงเม่าร่ำรวยหรือยากจนกันไปไม่น้อย จากกระแสข่าวลือในห้องค้า และตลาดตามเครือข่ายโซเชียล จะต้องวิ่งไปที่เหนือ 5.00 บาท โดยอ้างกฎ PBV 3 เท่า (ไม่รู้สูตรของ กูรูไหน) ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นจริง
ราคาหุ้นที่หวือหวา ทำให้มาร์เก็ตแคปของบริษัทในตลาด โป่งพองขึ้นจากระดับ 711.00 ล้านบาทในปลายปี 2556 มาเป็น 2,700 ล้านบาทเมื่อสิ้นปี 2557 ซึ่งผู้บริหารของบริษัทก็ฉวยโอกาส “ตีเหล็กเมื่อร้อน” ด้วยการเพิ่มทุนออกวอร์แรนต์มาให้นักลงทุน เพื่อหวังว่าจะมีการแปลงสิทธิในอนาคต ก่อนที่จะมีการเพิ่มทุนจริงอีกครั้งหนึ่งเพื่อเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง หรือ PP
การเพิ่มทุน และวิศวกรรมการเงินที่เกิดขึ้น มีเหตุผลนอกจากเพื่อรองรับการลงทุนในอนาคตแล้ว ยังเกิดจากข้อเท็จจริงที่ว่า ธุรกิจกำจัดขยะอันเป็นที่มาของฉายาเรียก หุ้นขยะ นั้นมีกำไรเปราะบางอย่างมาก แถมยังมีแนวโน้มถดถอยลงมาเป็นขาดทุนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ด้วยซ้ำ
แผนการเพิ่มทุนนั้น ไม่ได้แค่จะเอาไปลงทุนทำโรงไฟฟ้าพลังงานขยะและพลังงานทางเลือกอื่นๆ แต่ยังหวังว่าจะเอาทุนไปกระจายไปทำอสังหาริมทรัพย์ด้วย
ตอนที่มีมติเพิ่มทุนเมื่อต้นปี 2558 จากเดิมมาเป็น 2,060.58 ล้านบาท โดยเสนอขายหุ้นแบบ PP ในราคาหุ้นละ 2.00 บาท นั้น ลือกันไปถึงขนาดว่า ผู้ที่จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนนั้น ได้แก่กลุ่ม “เสี่ยเจริญ” ซึ่งเป็นมนต์เรียกบรรดาแมงเม่าได้ดีมากๆ ดังที่ทราบกันดี
เหตุผลที่อ้างว่า เสี่ยเจริญอยากเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ GENCO ฟังแล้วทะแม่งไม่น้อย เพราะว่า ธุรกิจเตาเผาขยะจะเกื้อหนุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากขยะ ส่วนธุรกิจที่ดินจะเป็นส่วนต่อยอดกับที่ดินเดิมของเสี่ยเจริญ แถมที่สำคัญ หนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง กระทรวงอุตสาหกรรม ที่ถือหุ้นอยู่ทั้งสิ้น 150 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 16.67%
แล้วชื่อของเสี่ยเจริญ ก็ค่อยๆ เลือนหายไปกับราคาหุ้นที่โรยตัวลงมาจากยอดสูงสุดที่ทะยานขึ้นไป พร้อมกับการเข้ามาของ 2 กลุ่มผู้จะซื้อใหม่ ที่เป็นข่าวล่าสุดที่กำลังต้องการไล่ล่าใบอนุญาตโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ จะทำให้แผนการเพิ่มทุนเป็นไปได้ตามที่ปรารถนา
เพียงแต่กลุ่มที่เข้ามาหวังซื้อหุ้นทุนกิจการทั้งสองกลุ่มนี้ ล้วนมีคำถามที่ตั้งขึ้นมาเกี่ยวกับ การรุกเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ไม่ใช่แผนธุรกิจที่ดีเท่าใดนัก
ประเด็นเงื่อนไขหลังสุดนี้ เป็นที่มาของการปฏิเสธเข้าซื้อหุ้น GENCO ดังที่ทั้ง 2 รายเป้าหมายประกาศออกมาล่าสุด
ธุรกิจกำจัดขยะก็ไม่ทำกำไร ไม่เหมือนโรงไฟฟ้าจากขยะ แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นตัวแปรที่ทำให้อนาคตดูขี้เหร่ อีกเช่นกัน
ปรากฏการณ์…ใครๆ ก็ไม่รักหุ้นขยะ… จึงเลี่ยงไม่พ้นจริงๆ..ฮือ…ฮือ…ฮือ