พาราสาวะถี
รอเพียงแค่พิธีกรรมการประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกาให้จบครบตามกระบวนการเท่านั้น สุดท้าย “เสี่ยโต้ง” ก็ไม่ผ่านคุณสมบัติไปนั่งเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
รอเพียงแค่พิธีกรรมการประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกาให้จบครบตามกระบวนการเท่านั้น สุดท้าย “เสี่ยโต้ง”กิตติรัตน์ ณ ระนอง ก็ไม่ผ่านคุณสมบัติไปนั่งเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ด้วยเหตุที่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีมาก่อน เมื่อเป็นเช่นนั้น กระทรวงการคลังคงต้องเสนอชื่อบุคคลเข้าไปใหม่ เพราะตามรายงานอีก 2 ชื่อที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเสนอนั้น กุลิศ สมบัติศิริ สถานะก็ไม่ต่างกับกิตติรัตน์ เนื่องจากเคยนั่งเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ยุค เศรษฐา ทวีสิน ทำให้เหลือแต่ สุรพล นิติไกรพจน์ ซึ่งไม่น่าจะตอบโจทย์ในตำแหน่งดังกล่าว
ทำให้กระบวนการเลือกหลังจากนี้จะต้องดำเนินการโดยเร็ว เพราะรักษาการประธานบอร์ดแบงก์ชาติเวลานี้ ปรเมธี วิมลศิริ จะนั่งรักษาการได้จนถึงกลางเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ หรือตามกรอบ 120 วัน หลังจากนั้น เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธปท.ในฐานะรองประธานกรรมการจะทำหน้าที่รักษาการต่อไปจนกว่าจะคัดเลือกประธานบอร์ดคนใหม่ได้ อยู่ที่ว่าทางกระทรวงการคลังจะเร่งเสนอชื่อคนใหม่ และดำเนินการโดยเร็วหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หลังทราบผลการชี้ขาดของกฤษฎีกาแล้ว กิตติรัตน์ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวยืดอกยอมรับผลอย่างแมน ๆ “ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ผมไม่มีอะไรค้างคาใจ ผมได้อาสาทำงานให้ประเทศแล้ว ไม่เคยขลาดกลัว หนีหายเอาตัวรอด” พร้อมได้ขอบคุณปลัดกระทรวงการคลังที่เชื่อว่าตนจะทำหน้าที่ประธานบอร์ดแบงก์ชาติได้ดี จนเสนอชื่อเข้าสู่การคัดเลือก และขอบคุณกรรมการคัดเลือกเสียงข้างมากที่มีมติคัดเลือกตัวเอง เพื่อนำสู่การพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประสาคนที่ผ่านประสบการณ์ทั้งการเมืองและการบริหารมาอย่างโชกโชน เสี่ยโต้งชี้ว่า การพิจารณาใด ๆ จากขั้นตอนที่ชี้ขาดย่อมเป็นสิทธิและหน้าที่ของผู้พิจารณา ตนเคารพการตัดสินใจ ในส่วนของกระบวนการคงว่ากันไปตามขั้นตอน ที่ต้องจับตาหลังจากนี้คือการเคลื่อนไหวของฝ่ายที่ต่อต้านการเสนอชื่อของกิตติรัตน์ก่อนหน้านี้ จะมีการออกมาเรียกร้องถามหาความรับผิดชอบใด ๆ หรือไม่ ธรรมดาของพวกจ้องจะล้ม เมื่อมีเหตุต้องทำทุกทางเพื่อดิสเครดิตความน่าเชื่อถือของรัฐบาล
ความจริงก่อนที่จะกฤษฎีกาจะตัดสินเรื่องนี้ แพทองธาร ชินวัตร ได้บอกกับนักข่าวไปก่อนแล้วว่าคุณสมบัติของกิตติรัตน์ไม่ผ่าน แม้ ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาจะปฏิเสธในวันเดียวกัน แต่ก็เป็นเพียงแค่การรักษารูปมวย การข่าวที่นายกฯ ได้รับย่อมแสดงให้เห็นประสิทธิภาพในการเข้าถึงเรื่องภายในที่เป็นความลับได้เป็นอย่างดี หรืออีกนัยคือการได้รับความร่วมมือในการทำงาน สะสางประเด็นที่จะเป็นปัญหาต่อรัฐบาล ส่งผลให้ลดแรงกระเพื่อมที่จะตามมาได้ทันท่วงที
เป็นที่รู้กันการตัดสินใจเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศของลูกสาวคนเล็กตระกูลชินวัตรนั้น ทุกอย่างจะต้องได้รับการการันตีว่าอยู่รอดปลอดภัย ยิ่งเมื่อได้เข้ามาทำหน้าที่แล้ว ทุกเรื่องที่ขยับจะต้องตรวจสอบกันละเอียดยิบเพื่อไม่ให้ส่งผลถึงเสถียรภาพของรัฐบาล และกระทบต่อตัวนายกฯ โดยตรง จะเรียกว่าดูแลยิ่งกว่าไข่ในหินก็ว่าได้ ส่วนปัญหาการร้องเรียนใด ๆ ผ่านขบวนการของพวกใช้นิติสงครามทำมาหากิน จนถึงนาทีนี้ที่บรรดาระดับนำได้รับสัญญาณมาตรงกันคือ ไม่น่าเป็นห่วง
ต่อให้ใครที่ว่ามีหลักฐานเด็ด เมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วถูกมองว่าน่าจะกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีน้ำหนักไปเลยก็ได้ บริบททางการเมืองที่เปลี่ยนไป กลไกของเผด็จการสืบทอดอำนาจที่วางไว้ จากที่แค่จะใช้อุ้มพวกอยากอยู่ยาว แล้วเล่นงานฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ กำลังถูกแปรสภาพนำมาปกป้องให้รัฐบาลพลิกขั้วยืนระยะอยู่ได้จนครบเทอม และต่อไปอีกสมัย รับรู้กันเป็นการภายใน ใครมีบทบาท หน้าที่อย่างไรก็ว่ากันไปตามนั้น แต่ผลของบางเรื่องที่มีบางฝ่ายใช้วิธีการแบบเดิมต้องไม่เป็นไปเหมือนที่เคยใช้ในช่วงเผด็จการเรืองอำนาจ
หลังปีใหม่อีกบทบาทที่จะได้เห็นจากนายกฯ หญิงคงเป็นการนั่งหัวโต๊ะบัญชาการคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติดและผู้มีอิทธิพล เริ่มแอ็กชันให้เห็นแล้วจากการเรียก พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. และ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตาม 3 คดีสำคัญ ดิไอคอนกรุ๊ป หมอบุญ วนาสิน และการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ในส่วนของคดีนั้น ทั้ง ผบ.ตร.และอธิบดีดีเอสไอประสานเสียงที่จะดำเนินการทุกอย่างให้รวดเร็ว ไม่ทำให้สังคมเกิดข้อกังขา ขณะที่โจทย์ซึ่งได้รับกลับมา ในส่วนของดีเอสไอแพทองธารย้ำให้ดูแลคดีด้านเศรษฐกิจที่สำคัญเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ขณะที่ทางตำรวจ ผบ.ตร.บอกว่า งานสำคัญคือการปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่นายกฯ จะนั่งเป็นหัวหน้าทีม กรณีเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดปราจีนบุรีจะถูกนำมาเป็นโมเดล เพื่อขยายผลนำไปใช้ในจังหวัดอื่นต่อไป
การทำงานด้านนี้คงไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจ เพราะบิ๊กต่ายทำการบ้านไว้ก่อนแล้วตั้งแต่ก่อนจะได้รับการเลือกให้มากุมบังเหียนยุทธจักรสีกากี การแต่งตั้ง พลตำรวจเอก ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. และ พลตำรวจเอก อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นรองหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ประสานเข้ากับ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้มีข้อมูลเรื่องมาเฟียทั่วฟ้าเมืองไทยแน่นปึ้ก เชื่อว่าการกวาดล้างผู้มีอิทธิพลนั้นจะเห็นผลในพริบตา เช่นเดียวกับปัญหายาเสพติด
ต้องไม่ลืมเป็นอันขาดว่าเรื่องพวกนี้พ่อนายกฯ รู้ดีกว่าใครเพื่อน มิเช่นนั้น คงไม่ปูดประเด็นขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ตึก 25 ชั้นที่ปอยเปตเป็นฐานบัญชาการหลอกลวงคนไทย พร้อมขู่ถ้าประเทศเพื่อนบ้านจัดการไม่ได้ จะส่งทีมงานจากไทยไปจัดการเอง ซึ่งทางตำรวจไซเบอร์ก็ยอมรับว่าพิกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีตรงกับที่ทักษิณชี้ เอาแค่การเดินหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ควบคู่กับการปราบปรามยาเสพติดและผู้มีอิทธิพล ที่แพทองธารจะได้เป็นผู้ถือธงนำก็น่าจะเรียกเรตติ้งให้รัฐบาลได้ดี ส่วนประเด็นถูกตีจากพวกขาประจำ พิจารณาแต่ละเรื่องยังมองไม่เห็นว่าจะจุดติดได้อย่างไร
อรชุน