เก็บหุ้นข้ามปี?

คำถามที่ “โมนิก้า” พบบ่อยสุดในช่วงนี้ก็คือ เก็บหุ้นข้ามปีได้ไหม? เพราะสถานการณ์หลายอย่างไม่เป็นเหมือนที่คิดไว้


คำถามที่ “โมนิก้า” พบบ่อยสุดในช่วงนี้ก็คือ เก็บหุ้นข้ามปีได้ไหม? เพราะสถานการณ์หลายอย่างไม่เป็นเหมือนที่คิดไว้ รวมทั้งมีความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างชัดเจน ส่งผลทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกใช้วิธีชะลอซื้อหุ้น และเลือกไปพักผ่อนเพื่อความสบายใจแบบนี้ เดี๊ยนถือเป็นคำถามที่ตอบยากพอสมควร และควรให้นักลงทุนตัดสินใจกันเอาเองพะย่ะค่ะ

เนื่องจากสิ่งที่เดี๊ยนพูดได้เต็มปากก็คือ ถ้าสามารถแบกรับความเสี่ยงได้ ก็เป็นจังหวะเหมาะสำหรับเก็บหุ้นข้ามปี เพราะเวลานี้เป็นจังหวะของการซื้อหุ้นเพื่อหวังปันผลเป็นของแถม และเป็นจังหวะของการซื้อเพื่อลุ้นงบไตรมาส 4 ออกมาดี รวมทั้งเป็นจังหวะของการเล่นบนสตอรี่ “January Effect” ซึงเป็นเรื่องที่ขาประจำตลาดหุ้นเขารับรู้กันเป็นเวลานาน เดี๊ยนเลยมีความเชื่อส่วนตัวว่า “น่าซื้อ” นะจะบอกให้

วันนี้ถึงอยากให้นักลงทุนแยกแยะเรื่องของ “ดัชนี” กับเรื่องของ “หุ้น” ออกจากกันให้ชัดเจนว่า วันนี้เราเล่นหุ้นไม่ได้เล่นดัชนี (ยกเว้นบางคนที่เล่น TFEX ควรเปิดปิดสัญญาวันต่อวัน) และการที่ดัชนีแกว่งตัวไปมาก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,397.80  จุด ลบไป 3.05 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.40 หมื่นล้านบาท  น่าจะเป็นโอกาสของผู้กล้าท้าตายอย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยก็ได้ซื้อของที่มีราคาถูกลงในระดับหนึ่งเจ้าค่ะ

เหมือนกับในรายของน้องมิ้น MINT ก็เห็นกันตำตาว่า สถานการณ์ของบริษัทดีขึ้นเรื่อย ๆ และราคาที่เทรดในทุกวันนี้ก็อยู่บน PE 30 เท่า ซึ่งอาจเป็นระดับที่ดีสูงเกินไปในภาวะตลาดหุ้นแบบนี้ แต่ถ้าเชื่อว่า ผลงานไตรมาส 4 ต่อเนื่องไตรมาส 1 จะออกมาดีตามที่ผู้บริหารเคยให้ข่าวไว้ น่าจะทำให้ราคาปิดที่ระดับ 26.25 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 295 ล้านบาท เหมาะต่อการลงทุนะจ๊ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น CPN เป็นรายถัดมา เพราะมีลักษณะคล้ายกันค่อนข้างเยอะ แต่ที่ต่างกันคงเป็นราคาหุ้นในกระดานที่ขึ้นต่อเนื่อง 3 วัน และเพิ่งจะโดนขายวานนี้ พร้อมกับยืนปิดไปที่ระดับ 58 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 419 ล้านบาท เดี๊ยนมองเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องครุ่นคิดอย่างหนัก เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า หุ้นเทรดบน PE 16 เท่า มันน่ากลัวจริงเหรอ?

ส่วนรายที่น่ากลัวของจริงดันกลายเป็น IRPC เพราะราคาหุ้นเอาแต่มุดหัวลงลูกเดียว พร้อมกับมีความกังวลเรื่องขาดทุนตามหลอนไม่เลิกเสียทีแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมทุกอย่าง และราคาหุ้นจะตกอยู่ในภาวะเช่นนี้ไปอีกนาน ยกเว้นบริษัทกลับมาทำกำไรอย่างเข้มแข็งอีกครั้ง เมื่อนั้นราคาหุ้นจะฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ ในระหว่างนี้จึงต้องทำใจเมื่อเห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ 1.24 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 3.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47 ล้านบาทจ้า!

วกกลับมาดูหุ้นโลกลืมอย่าง “หมูเด้ง”..อุ๊ย..”หมูฝอย” อย่าง CHAO กันบ้างดีกว่า เพราะเป็นหุ้นที่ฟอร์มดีตั้งแต่เข้าเทรด แต่หลังจากนั้นดันเกิดอาการเครื่องรวนขึ้นมาดื้อ ๆ พร้อมกับทรุดตัวลงต่อเนื่อง 4 เดือนเต็ม ๆ “โมนิก้า” มาเห็นอีกทีราคาหุ้นก็ยืนปิดที่ระดับ 6.45 บาท ลบไป 0.35 บาท หรือลงไป 5.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9 ล้านบาทเสียแล้ว มันทำให้อีฉันปวดร้าวหัวใจเหลือเกิน หลังหลุดไอพีโอ 11.80 บาทแบบหาทางกลับไม่เจอน่ะซี

ส่วนเรื่องฉาวที่มีบรรดาลูกอีช่างเม้าท์พูดกันไม่เลิก คงเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับอดีตผู้บริหารชุดก่อนของ NUSA ไปทำเรื่องราวอะไรไว้เยอะแยะมากมาย และที่มีเสียงฮึ่ม ๆ ก็เป็นโครงการแถวสุขุมวิทที่ไม่ตรงไปตรงมา จนลูกบ้านต้องพึ่งโรงพึ่งศาลเพื่อแก้ปัญหาแบบนี้ “โมนิก้า” ในฐานะคนที่รับฟังข่าวสารจากกลุ่มคนต่าง ๆ จึงอยากให้แฟนคลับแยกแยะเรื่อง “ส่วนตัว” กับ “บริษัท” ให้ออก และอย่าเหมารวมทุกอย่างต้องเป็นณุศา..อิอิอิ

ตบท้ายกันที่หุ้น MGI เพื่อให้บรรดากองเชียร์ “K.ณ” หายคิดถึงกันดีกว่า เพราะสิ่งที่เห็นเวลานี้คือหุ้นหมดสภาพเป็นเวลานาน ขณะที่ผลการดำเนินงานก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร? รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ยาวไปถึงคำถามที่ว่า MGI-W1 จะมีคนใช้สิทธิ์ไหม? หลังกำหนดสิทธิ์ไว้ที่ 1:1 ราคา 10 บาทในปีหน้า ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานยืนนิ่งอยู่ที่ 9.55 บาทแบบนี้..ทั้งหลายทั้งปวงต้องรอให้เจ้าของออกมาตอบด้วยตนเองนะคะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button