พาราสาวะถี

วันทำการสุดท้ายของปีนี้งูใหญ่หรือมังกร ก่อนจะเข้าสู่ปีมะเส็งหรืองูเล็กในอีกสองวันข้างหน้า ไม่รู้ว่าคนส่วนใหญ่หรือคนส่วนน้อยที่ยังทำงานอยู่ เพราะวันหยุดฟันหลอแบบนี้ เชื่อว่าน่าจะมีคนเลือกที่จะขอลาเพื่อให้ได้ไปพักผ่อน ท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนากันแบบยาว ๆ การอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ดูแลความปลอดภัยของประชาชน และเฝ้าระวังอุบัติเหตุ ถือเป็นที่รับรู้และเห็นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จนคุ้นชินกันแล้วในทุกเทศกาล

เรื่องที่คนส่วนใหญ่เฝ้าจับตาดูในปีใหม่นี้คงหนีไม่พ้นความเคลื่อนไหวทางการเมืองมากกว่า โฟกัสกันมากที่สุดคงเป็นแนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร จะผลักดันโครงการอะไรที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนได้ เริ่มแน่ ๆ เดือนมกราคม 2568 คือ การปรับค่าจ้างขั้นต่ำหลังจากที่คณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 หรือบอร์ดไตรภาคีเห็นชอบ และนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ไปเรียบร้อยแล้ว มี 4 จังหวัดกับ 1 อำเภอ ที่จะได้ค่าจ้าง 400 บาทต่อวัน

หลังจากนั้นจะตามมาด้วยการแจกเงินหมื่นบาทเฟส 2 ให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป วงเงินประมาณ 4 หมื่นล้านบาทที่รัฐบาลยืนยันว่าจะดำเนินการได้ก่อนตรุษจีนนี้ ซึ่งก็คือไม่เกินสิ้นเดือนมกราคมเช่นเดียวกัน ในแง่ของการทำงานเชื่อว่ารัฐบาลจะไม่มีปัญหาข้อติดขัดใด ๆ ที่ถูกเพ่งเล็งคงเป็นในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติ หรือการทำงานของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลมากกว่า โดยเฉพาะประเด็นความกินแหนงแคลงใจของสองพรรคร่วมสำคัญเพื่อไทยกับภูมิใจไทย

แต่พอได้ฟังแกนนำของสองพรรคให้สัมภาษณ์ล่าสุดแล้ว แนวทางที่จะเดินก็ไม่ได้หนีไปจากที่มีการคาดหมาย และเป็นไปตามที่ตกลงกันผ่านดีลตั้งรัฐบาลพลิกขั้ว นั่นก็คือ แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง เป้าหมายใหญ่คือการสลายความขัดแย้ง สร้างความสามัคคี แล้วนำความกินดีอยู่ดีกลับคืนสู่ประชาชน หากทำตามนี้ได้ โจทย์บังคับที่ว่าต้องจับมือกันต่อเพื่อกวาดเก้าอี้ สส.กลับมาร่วมตั้งรัฐบาลกันอีกกระทอกหลังเลือกตั้งครั้งใหม่ เพื่อสกัดพรรคสุดโต่ง ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำได้

ทั้งนี้ ปมความขัดแย้งในส่วนของ สส.พรรคสีแดงและน้ำเงิน ภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำเพื่อไทยพูดชัด เรื่องนี้ไม่กังวล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโหวตสวนของพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าเห็นเหมือนกันหมดก็แปลว่าเป็นพรรคเดียวกัน แต่เป็นคนละพรรคจึงมีความเห็นที่ต่างกัน และการเห็นต่างแต่ร่วมกันได้แสดงว่าต้องมีจุดร่วม ซึ่งทุกคนอยากเห็นประเทศเดินหน้า หรือแม้กระทั่งสีต่าง ๆ ก็ยังพอกลมกลืนกันได้ นั่นหมายความว่า ปัญหาที่คนนอกมองจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าห่วง

ขณะเดียวกัน เสี่ยอ้วนยังบอกกับนักข่าวด้วยว่า ตนพยายามชี้ให้เห็นและอยากให้สื่อมองอย่างมีเหตุผล ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ตนพยายามอธิบายให้เข้าใจ ในฐานะรัฐบาลผสมความสอดคล้องในการทำงานร่วมกันสำคัญมากที่สุด เพราะประเทศบอบช้ำมาเป็นเวลานานนับ 10 ปี จึงต้องการความเชื่อมั่น โอกาส และกำลังใจในการทำงานร่วมกัน สร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศและประชาชน รัฐบาลมีหน้าที่คิดและผลักดัน ตนคิดว่าจะเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือกันทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าอย่างดี โดยตนมีเป้าหมายคือ อยากคุยแลกเปลี่ยนบอกความในใจ ไม่ว่าจะเห็นเหมือนหรือเห็นต่างก็ว่ากันไป

จะเห็นแนวทางเช่นนี้ตั้งแต่รัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน กรณีมีข้อเสนอแนะ หรือความเห็นต่างในประเด็นใดก็ตาม จะใช้ความพยายามในการพูดคุย แลกเปลี่ยน จนมีจุดที่เห็นตรงกัน อันจะเห็นได้จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ผ่านการรับฟัง และแปรสภาพจนถูกซอยย่อยอย่างที่เห็น เช่นเดียวกับการเรียกร้องให้มีการลดดอกเบี้ยที่อดีตนายกฯ เศรษฐา ทำมาตลอดในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทว่า สุดท้ายคณะกรรมการนโยบายการเงินก็มีมติลดดอกเบี้ยในที่สุด

ไม่ต่างกันกับบรรดาแกนนำพรรคร่วมทั้ง 6 พรรค โดยพรรครองจากพรรคแกนนำอย่างภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกูล พูดทำนองเดียวกันกับเสี่ยอ้วน งานในสภาฯ เป็นการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ทุกคนมีเอกสิทธิ์ในการแสดงออก รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ได้ก็ไม่เกี่ยวกับสภา ถ้านโยบายไหนเป็นของ ครม.รัฐบาลทุกพรรคต้องให้การสนับสนุน ซึ่งภูมิใจไทยก็ทำเช่นนั้นมาโดยตลอด แต่เรื่องของสภา เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ บางพรรคบอกควรแก้ บางพรรคบอกไม่ควรแก้ เป็นเรื่องของสภาฯ จะเอามารวมกันไม่ได้

ไม่เพียงเท่านั้น เสี่ยหนูยังชี้ด้วยว่า ต้องแยกให้ถูกคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เข้ามาบริหารประเทศ ในรัฐบาลผสม 6 พรรค การนำที่ชัดเจนคือนายกฯ ใครบอกว่าตัวเองเป็นหัวหน้าพรรค จะไม่ฟังนายกฯ ก็มาร่วม ครม.ไม่ได้ พร้อมการันตีด้วยว่ารัฐบาลชุดนี้มีเสถียรภาพสูง เพราะในรอบหลายปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีรัฐบาลที่มีเสียงในสภาเกินกึ่งหนึ่งเทียบเท่ากับรัฐบาลนี้ ดังนั้น เสถียรภาพในเชิงการเมืองจึงมีสูงอย่างแน่นอน ยังไม่เห็นปัจจัยอะไรที่จะทำให้รัฐบาลนี้อยู่ไม่ได้ 

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยังยืนยันด้วยว่า แพทองธารสามารถแสดงภาวะความเป็นผู้นำได้ชัดเจน สามารถนำพารัฐบาลได้ ความร่วมมือระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นไปได้ด้วยดี ปัญหาปลีกย่อยก็เป็นเรื่องปกติ แต่ต้องมาหาวิธีแก้ไข ไม่มีเรื่องใดที่ขัดแย้งกันจนหาทางกลับไม่ได้ ส่วนปมชั้น 14 ที่มุ่งเล่นงาน ทักษิณ ชินวัตร หรือแม้แต่ปัญหาที่ดินเขากระโดง เสี่ยหนูก็ย้ำว่า เป็นไปตามกระบวนการที่มีการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ ฝ่ายสภาน่าจะมีการอภิปรายทั้งแบบลงมติและไม่ลงมติ คนที่เกี่ยวข้องต้องไปชี้แจง ไม่มีใครโอดครวญ

ต้องยอมรับกันว่า หากเป็นช่วงสถานการณ์การเมืองก่อนหน้ารัฐประหารปี 2567 รัฐบาลที่ได้ชื่อว่ามีเพื่อไทยเป็นแกนนำจะคางเปราะ ขาไม่แข็ง มีโอกาสที่จะถูกเจาะยางหรือสอยให้ร่วงได้ทุกเมื่อ แต่นาทีนี้ไม่ได้เป็นแบบนี้อีกแล้ว ทุกอย่างเหมือนเสริมใยเหล็กแข็งโป๊ก มีแต่ที่ฝ่ายร้องเรียนจะถูกเล่นงานกลับ ตามที่ทักษิณเคยขู่ไว้ ล่าสุด นายใหญ่มอบหมายให้ทนายความไปฟ้องเอาผิด ธีรยุทธ สุวรรณเกษร คนที่ร้องศาลรัฐธรรมนูญแล้วถูกตีตก ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้องออกหมายเรียกให้มาให้ปากคำในวันที่ 10 มกราคม 2568 ประเดิมปีใหม่นักร้องก็ถูกเช็กบิลกันแล้ว การเมืองปีหน้าจะร้อนแรงหรือไม่คงไม่ต้องเดากัน

อรชุน