PRIME ขายไฟเคลียร์หนี้.!?
ดูเหมือนในช่วงปี 2567 บมจ.ไพร์ม โรด เพาเวอร์ หรือ PRIME จะถูกธาตุไฟเข้าแทรกอย่างจัง...ทั้งจากปัญหากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ถูกยึดหุ้น
ดูเหมือนในช่วงปี 2567 บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME จะถูกธาตุไฟเข้าแทรกอย่างจัง…ทั้งจากปัญหากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ถูกยึดหุ้น จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยไปเพียงชั่วข้ามคืน และตามมาด้วยปัญหาขาดสภาพคล่อง…ชักหน้าไม่ถึงหลัง..!?
เรียกว่าความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก…ว่างั้น..!?
จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นหุ้น PRIME ราคาลงไปกองแอ้งแม้งอยู่ก้นเหวลึก…
โดยความวัวที่ว่าก็จากกรณีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ PRIME 6 ราย นำโดยบริษัท ไพร์ม โร้ด แคปปิตอล จำกัด ผู้ถือหุ้นอันดับ 2, “ภริษา ฉายาวสันต์” ผู้ถือหุ้นอันดับ 3, “สุกัลยา ผาลี” ผู้ถือหุ้นอันดับ 6, “เครือวัลย์ ไตรสวัสดิ์วงศ์” ผู้ถือหุ้นอันดับ 7, “พิมพ์ลดา พิพัฒน์ปากรณ์” ผู้ถือหุ้นอันดับ 16 และ “ณุวภา วิฑูรชวลิตวงษ์” ผู้ถือหุ้นอันดับ 17…ซึ่งทั้ง 7 รายนำหุ้นไปตึ๊ง หรือจำนำเพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสัญญาเงินกู้ยืมกับบริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซดคอม (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Z.com ตั้งแต่ช่วงปี 2564–2566
แต่เนื่องจากทั้ง 6 รายหาเงินมาไถ่ถอนหุ้นคืนไม่ได้…สุดท้ายหุ้นเกือบ 1,350 ล้านหุ้น คิดเป็น 31.70% ถูกยึด และถูก Z.com ประกาศขายทอดตลาดในวันที่ 4 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา
จากปัญหาชีวิตของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ลุกลามมาสู่ตัวบริษัท…เกิดเป็นความควายกระทบปัญหาสภาพคล่องอย่างจัง..!!
ที่จริงเริ่มเห็นเค้าลาง (ร้าย) มาตั้งแต่ช่วงปี 2566 จากผลประกอบการที่พลิกมาขาดทุนบักโกรก 901.64 ล้านบาท จากรายได้รวม 1,656.47 ล้านบาท ในขณะที่งวด 9 เดือนแรกปี 2567 มีตัวเลขติดลบอยู่ที่ 94.82 ล้านบาท จากรายได้รวม 878.91 ล้านบาท
ตอกย้ำด้วยสถานะการเงิน ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 ที่มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดในกระเป๋าแค่ 170.70 ล้านบาท แต่มีส่วนของหนี้สินระยะยาวส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีสูงถึง 1,759.12 ล้านบาท โดยเป็นหนี้สถาบันการเงิน 682.21 ล้านบาท และหนี้หุ้นกู้ปาไป 1,076.91 ล้านบาท
สอดคล้องกับข้อมูลจากเว็บไซต์สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ที่พบว่า PRIME มีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2568 จำนวน 4 รุ่น รวมมูลค่า 2,049.50 ล้านบาท ได้แก่ หุ้นกู้รุ่น PRIME256A ออกวันที่ 10 มี.ค. 2565 วงเงิน 1,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 5.0% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 10 มี.ค. 2568 ถัดมาเป็นหุ้นกู้รุ่น PRIME25DA ออกวันที่ 2 ธ.ค. 2565 วงเงิน 849.50 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 5.2% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 2 ธ.ค. 2568
ส่วนหุ้นกู้รุ่น PRIME25DB ออกวันที่ 8 ส.ค. 2565 วงเงิน 121.10 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 6.15% ต่อปี จะครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 8 ธ.ค. 2568 และหุ้นกู้รุ่น PRIME253B ออกวันที่ 8 ส.ค. 2565 วงเงิน 78.90 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 5.95% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 8 ธ.ค. 2568
เห็นยอดหนี้หุ้นกู้แล้วต้องบอกว่า อาการน่าเป็นห่วง ใครใครเขาก็เตือน..!!
เลยเป็นที่มาของมติบอร์ด PRIME เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2567 ให้บริษัทลูกที่ชื่อ Prime Solar Energy Corporation (PSE) ขายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 49.54 เมกะวัตต์ ในจังหวัดเถาหยวน, เหมี่ยวลี่, ซินจู๋, หนานโถว, เกาสง และผิงตง ในไต้หวัน รวมมูลค่า 458.42 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 476.76 ล้านบาท ให้แก่ Jiayu Energy Co., Ltd. (Jiayu)
ซึ่งชัดเจนว่าการขายธุรกิจโรงไฟฟ้าครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ระยะสั้นและหนี้หุ้นกู้ และถ้ามีเงินเหลือก็จะใช้เป็นเงินลงทุนในอนาคต
เท่ากับว่า PRIME ขายผ้าเอาหน้ารอด…อุ๊ย ขายไฟเคลียร์หนี้น่ะสิ..!!
ก็ไม่รู้ว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการขายสินทรัพย์เพื่อชำระหนี้อ๊ะป่าว..??
งั้นเป้าหมายที่จะเห็น PRIME มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 1,800 เมกะวัตต์ ภายในปี 2570 ตามที่ผู้บริหารประกาศไว้ก่อนหน้านี้…ก็เป็นแค่ฝันกลางวันน่ะสิ..!!
แหม่..เสียดายจัง เฮ่อ..เสียดายจัง..!?
…อิ อิ อิ…