พาราสาวะถี

กลับเข้าสู่โหมดการทำงานกันอย่างเป็นทางการต้อนรับปีงูเล็ก 2568 เป็นปีที่รัฐบาลประกาศจะเป็นปีแห่งโอกาสของคนไทย


กลับเข้าสู่โหมดการทำงานกันอย่างเป็นทางการต้อนรับปีงูเล็ก 2568 เป็นปีที่รัฐบาลประกาศจะเป็นปีแห่งโอกาสของคนไทย โดยในการอวยพรปีใหม่ของ แพทองธาร ชินวัตร ได้เน้นย้ำในเรื่องนี้ว่า “ขอให้คนไทยทุกคนได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัว เพื่อน และคนที่ท่านรักอย่างมีความสุข เติมพลังกายพลังใจให้พร้อม เตรียมรับโอกาสดี ๆ จากรัฐบาลตลอดปี 2568” เช่นเดียวกันกับผู้พ่อ ทักษิณ ชินวัตร อวยพรปีใหม่ผ่านเพจเฟซบุ๊กของพรรคเพื่อไทยในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี “ปีนี้ขอให้พี่น้องได้พบแต่โอกาสดี ๆ มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ จะได้มีอนาคตที่ดี และครอบครัวมีความสุขตลอดไป”

คงไม่หนีจากนั้น เนื่องจากหลังผ่านการทำงานไปหนึ่งไตรมาสแล้ว ลูกสาวคนเล็กของนายใหญ่ย่อมจับทิศจับทางในการบริหารได้ โดยในแง่ของการบริหารหรือคุมดุลทางการเมืองนั้นเป็นหน้าที่ของผู้เป็นพ่อ ที่จะเคลื่อนไหวทั้งหน้าฉากและเบื้องหลัง พร้อมผลักดันให้แพทองธารและคณะเร่งสร้างผลงานให้เป็นที่ปรากฏ หลายนโยบายจะได้เห็นความคืบหน้า อย่างที่บอกไปก่อนหน้า ประเดิมต้นปีด้วยค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นตั้งแต่ 7-55 บาท มี 4 จังหวัด 1 อำเภอที่ได้ 400 บาทต่อวัน

หลังจากนั้น ไม่เกินปลายเดือนนี้หรือก่อนตรุษจีนเงินหมื่นบาทเฟสสองกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ก็จะถูกส่งเข้ากระเป๋าของกลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกัน หากเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่รัฐบาลประกาศไว้ภายในไตรมาส 2 จะเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 สำหรับประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนสำเร็จผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” โดยมีวงเงินงบประมาณ 1.4-1.5 แสนล้านบาท ซึ่งโครงการเฟสนี้คงต้องลุ้นกันว่าจะเป็นไปตามเงื่อนเวลาที่วางไว้หรือไม่ 

เนื่องจาก จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยคลัง ได้บอกในทำนองออกตัวไว้ก่อนแล้วว่า ในปี 2568 รัฐบาลจะใช้กลไกมาตรการทางการคลังที่มีอยู่อย่างจำกัด ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพื่อเข้ามาช่วยรักษาโมเมนตัมการเติบโตของเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปีนี้จะมีการเริ่มเดินหน้าการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในเฟสแรก ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” โดยการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ในกลุ่มเอ็นพีแอลไม่เกิน 1 ปี คาดว่าจะช่วยลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ลง 10%

ทั้งนี้ หากจับสัญญาณจากการส่งของทักษิณผ่านเวทีช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยหาเสียง บวกเข้ากับสิ่งที่อุ๊งอิ๊งระบุในคำอวยพรปีใหม่ พอจะเห็นถึงความเชื่อมั่นที่ว่าจะสามารถใช้ศักยภาพในการบริหารงานทำให้ประชาชนฝ่าฟันอุปสรรคที่ขวางกั้นไว้ได้ โดยนายกฯ หญิงชี้ว่า ทั้งรัฐบาลและประชาชน ได้ผ่านเรื่องราวมามากมาย ทั้งเรื่องดีและเรื่องท้าทาย แต่ด้วยความรัก ความสามัคคี และความเข้าอกเข้าใจที่พวกเราคนไทยมี ทำให้สามารถผ่านเรื่องราวอันยากลำบากเหล่านั้นมาได้

ตัวอย่างที่สัมผัสจับต้องได้คือ การเผชิญกับอุทกภัยในหลายพื้นที่ที่ผ่านมา ปรากฏว่าด้วยความเอาใจใส่ และแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที ร่วมกับทุกภาคส่วนทำให้ผ่านปัญหาร่วมกันมาด้วยดี ขณะที่ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ สืบเนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ด้วยการทำงานของรัฐบาลจากทุกกระทรวงที่ได้ร่วมออกแบบนโยบายเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ และด้วยความร่วมมือร่วมใจของประชาชนที่ตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มกำลัง มีสัญญาณที่ดีว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว และเติบโตมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้และปีต่อ ๆ ไป กลับมาแข็งแรงให้ได้

เมื่อรัฐบาลตั้งใจที่จะทำผลงานให้เป็นที่ปรากฏ อีกด้านก็ต้องจับตาขบวนการเตะตัดขา จ้องจะล้มที่น่าจะเข้มข้นขึ้นเป็นเรื่องปกติ แต่พอมองไปยังประเด็นโจมตี ข้อเรียกร้องแล้วคงไม่สามารถสร้างความสั่นคลอนให้กับผู้นำและพรรคร่วมรัฐบาลได้ ที่น่าสนใจคงจะเป็นการเมืองในกระบวนการคือการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคประชาชน ที่โหมประโคมกันมาตั้งแต่ก่อนสภาเปิดจองกฐินที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล มาจนถึงวันนี้ยังแข็งขัน และมีข้อมูลที่จะซักฟอกจนทำให้ประชาชนคล้อยตามได้หรือไม่

หากเป็นประเด็นเดิม ข้อมูลตัดแปะ เหมือนที่พวกนักร้องไปยื่นเอาผิดตามองค์กรต่าง ๆ จนบางองค์กรต้องเรียกร้องกลับว่า ช่วยหาข้อมูล พยาน หลักฐานให้แน่นหนาเพื่อจะนำไปสู่การวินิจฉัยให้ได้ว่าผิดหรือถูก ไม่ใช่การใช้ความรู้สึก จินตนาการแล้วมาถามฝ่ายตรวจสอบว่าผิดหรือไม่ แบบนี้ถือว่าเปล่าประโยชน์ โอกาสถูกยก ตีตกคำร้องมีสูง เช่นเดียวกับฝ่ายค้านถ้าอภิปรายแบบไร้น้ำหนัก นอกจากไม่เกิดมรรคผลใด ๆ แล้ว ยังจะสร้างความเบื่อหน่ายให้กับประชาชนด้วย

ต้องไม่เป็นเหมือนที่ถูกปรามาสพูดเก่งด่าเก่ง แต่ทำเป็นหรือเปล่าไม่รู้ และดูท่าว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกต่างหาก ถ้ายังต้องการรักษาความนิยมเหมือนที่ทำให้สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งได้ ต้องไม่อยู่ในสภาพเหมือนซังกะตายอย่างที่เป็นอยู่ บรรยากาศความคึกคัก ฮึกเหิมถ้าเปรียบเทียบกับช่วงหลังเลือกตั้งหรือแม้แต่การยุบพรรคก้าวไกลใหม่ ๆ หมาด ๆ ต้องยอมรับว่าต่างกันลิบลับ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะแกนนำแถวสามที่ถือว่าห่างชั้นทั้ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นอย่างมาก

การเมืองภาพใหญ่กลายเป็นว่ารัฐบาลสามารถครองพื้นที่สื่อได้มากกว่า ดังนั้น คงต้องอาศัยจังหวะที่จะมีการเลือกตั้งสมาชิก อบจ. 76 จังหวัดและนายก อบจ. 47 จังหวัดในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ เรียกความเชื่อมั่น กระตุ้นความคึกคักให้กับลูกพรรคสีส้มและกองเชียร์กลับมาสู่บรรยากาศแบบเดิม ๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฝ่ายพรรคแกนนำรัฐบาลก็เคลื่อนไหวกันหนักหน่วงไม่ใช่น้อย หนนี้ไม่ใช่เพียงแค่ทักษิณที่จะไปทำหน้าที่ผู้ช่วยหาเสียงเท่านั้น แพทองธารก็ใช้หัวโขนหัวหน้าพรรคเพื่อไทยขึ้นเวทีด้วยเช่นกัน

ประเดิมที่ลูกสาวจะไปเจิมเวทีปราศรัยช่วย อนุชิต หงษาดี ผู้สมัครนายก อบจ.นครพนมหาเสียง ในวันที่ 12 มกราคมนี้ หลังจากนั้น 18 มกราคม ทักษิณผู้พ่อก็จะไปขึ้นเวทีปราศรัยเช่นเดียวกัน เป็นการตอกย้ำภาพปลุกการเมืองท้องถิ่นให้อิงกับการเมืองระดับประเทศ การไล่เก็บแต้มในลักษณะนี้ของนายใหญ่เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง เรียกคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยกลับคืนมา และเป็นการสร้างฐานเสียง ระดมหัวคะแนนเพื่อเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้ากันแต่เนิ่น ๆ เลยทีเดียว

อรชุน

Back to top button