สังคมข่าวหุ้น

วันแรกของปี 2568 หุ้นไทยร่วงหนัก จากแรงกดดันสองหุ้นบิ๊กแคป คือ DELTA และ GULF จากปัจจัยเรื่องการบังคับใช้ภาษีเงินได้ธุรกิจขั้นต่ำ


วันแรกของปี 2568 หุ้นไทยร่วงหนัก จากแรงกดดันสองหุ้นบิ๊กแคป คือ เดลต้าฯ (DELTA) และ กัลฟ์ฯ หรือ GULF จากปัจจัยเรื่องการบังคับใช้ภาษีเงินได้ (นิติบุคคล) ธุรกิจขั้นต่ำ หรือ Global Minimum Tax ของบริษัทที่มีการลงทุน “ข้ามชาติ” ทั้งของต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย และของไทยที่เข้าไปลงทุนต่างประเทศ และบริษัทนั้น ๆ มีรายได้ต่อปีเกิน 870 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 3 หมื่นล้านบาท จะถูกเรียกเก็บภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำที่ 15% แม้ว่าบริษัทนั้น ๆ จะได้สิทธิ BOI ก็ตาม

เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นใหม่ เพราะในวงการตลาดทุน รับรู้กันมานานแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่า วันแรกของการมีผลบังคับใช้ (1 ม.ค. 2568) จะมีผลกระทบมากขนาดนี้ ทำให้เกิดการเทขายหุ้นที่คาดว่าจะเข้าข่ายเงื่อนไขของ Global Minimum Tax โดยก่อนหน้านี้มีการประเมินว่า ผลจากการใช้ Global Minimum Tax กับบริษัทข้ามชาติ จะส่งผลให้กำไรของธุรกิจที่เคยเสียภาษีขั้นต่ำเกินไปจะลดลง 80% จากเดิมที่มีสัดส่วน 36% ของกำไรธุรกิจทั่วโลก เหลือเพียง 7%

นอกจากเรื่องของภาษีฯ ที่ว่านี้ หุ้นไทยยังอาจจะมีปัจจัยเชิงลบเกี่ยวกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ที่จะครบกำหนดการถือครองในระยะเวลา 5 ปี ในเดือน ม.ค.นี้ คิดเป็นเงินลงทุนราว ๆ 2.7 แสนล้านบาท แต่คาดกันว่า นักลงทุนที่ถือหน่วยลงทุน น่าจะยังไม่สั่งของกองทุนต่าง ๆ เทขายออกมา เพราะส่วนใหญ่ยังขาดทุนอยู่ และน่าจะรอให้ตลาดหุ้นปรับขึ้นมาก่อน ก่อนจะที่ส่งคำสั่งขาย ซึ่งน่าจะพอช่วยเบรกการลดลงของดัชนีได้

หุ้นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่นำโดย บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หรือ BH และ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ BDMS ราคาหุ้นต่างเริ่มฟื้นตัว อย่าง BH โดยราคาหุ้นผ่านแนวต้านจิตวิทยาที่ระดับ 200 บาทขึ้นมาได้ และที่ราคานี้ (200+) น่าจะมีนักลงทุนติดหุ้นอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้เห็นแรงขาย หรือขายหุ้นออกไปก่อนที่บริเวณราคา 204 บาทค่อนข้างมาก ส่วน BDMS แนวต้านใหญ่คือ 25 บาท น่าจะผ่านยากเช่นกัน เพราะช่วงที่ราคาลงมาระหว่าง 25-26 บาท มีแรงเข้ารับซื้อมากพอสมควร นักลงทุนที่ติดหุ้นระดับราคานี้จึงน่าจะหาจังหวะขายออกเช่นกัน

กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง (VAYU1) ได้ประกาศจ่ายปันผลผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก.รอบผลประกอบการระหว่างวันที่ 1 ต.ค.-31 ธ.ค. 2567 จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด (บาทต่อหน่วย) ในอัตราหน่วยละ 0.0754บาท โดยประกาศวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่  2 ม.ค. 2568 วันที่ปิดสมุดทะเบียนวันที่ 6 ม.ค. 2568 วันที่จ่ายเงินปันผล 21 ม.ค. 2568 “คาเฟอีน” ลองคำนวณอัตราผลตอบแทนดู สมมติว่าปันผล 0.0754 บาทต่อหน่วยลงทุนต่อไตรมาส (1 ปี 4 ครั้ง) ได้ดิวิเดนต์ยีลด์ที่ประมาณ 3% นิด ๆ พอดี (เทียบกับราคา 10 บาทต่อหน่วยลงทุน) แต่คาดว่าในไตรมาสถัด ๆ ไป เงินปันผลน่าจะสูงกว่านี้ได้

ปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร แจ้งมาว่า ผู้มีหน้าที่เสียภาษี ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด 91 ประจำปีภาษี 2567 ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถยื่นแบบฯ ผ่านเว็บไซต์กรมฯ  www.rd.go.th และผ่านแอปพลิเคชัน RD Smart Tax รองรับการใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง และเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคืนภาษีรวดเร็ว และยังยื่นแบบฯ ผ่านระบบ e-filing และระบบ D-MyTax (Digital MyTax) เป็นระบบที่ยกระดับการให้บริการทางภาษีต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน ทำให้สามารถยื่นแบบฯ ทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 8 เม.ย. 2568 และหากยื่นแบบฯ ด้วยกระดาษ ยื่นได้ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2568

ตบท้ายด้วย 3BBIF วานนี้ราคาลงมาต่ำสุด หรือนิวโลว์ที่ 5 บาท ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 5.05 บาท ส่วนสาเหตุนั้น เท่าที่เช็กดูยังไม่มีปัจจัยลบแบบมีนัยฯ อะไรเลย แต่น่าจะเป็นการปรับพอร์ตของกลุ่มนักลงทุนที่มีกำไรจากการรับปันผลออกไปก่อน ส่วนแนวโน้มกำไรงวดไตรมาส 4/2567 อาจจะลดลง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ ต้องมาจับตาดูว่า การขาดทุนสะสมที่มีอยู่ราว ๆ 6 พันล้านบาท จะล้างหมดในงวดไตรมาส 2 หรือ 3 ปี 2568 หรือเปล่า และจะกลับมาจ่ายปันผลได้ปกติภายในไตรมาส 3-4/2568 ได้ไหม ส่วนราคาที่เช็กทั้งหมดนั้น มี บล.บัวหลวง ให้ไว้ต่ำสุด 5.70 บาท เท่ากับว่า ราคามีอัพไซด์เยอะเลยละ

คาเฟอีน

Back to top button