YGG เสือขย้ำแมว.!?
จากปรากฏการณ์ฟอร์ซเซลหุ้นบริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG ช่วงกลางปี 2567 ทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่เปลี๊ยนไป๋ตลอดกาล...
จากปรากฏการณ์ฟอร์ซเซลหุ้นบริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG ช่วงกลางปี 2567 ทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่เปลี๊ยนไป๋ตลอดกาล…จากเดิมมี “ธนัช จุวิวัฒน์” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เบอร์หนึ่ง ก็ลดสถานะมาเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย (เหลือถือหุ้นแค่ 0.96%) เพียงชั่วพริบตา…
ในแง่ปัจจัยพื้นฐานก็เปลี๊ยนไป๋…จากบริษัททำเกมและกราฟิกที่เติบโตโดดเด่น ขนาดในช่วงวิกฤตโควิดที่ว่าแย่ ๆ แต่ YGG ยังโตสวนวิกฤตโควิดได้หน้าตาเฉย…ลองคิดดูแล้วกัน แต่นับตั้งแต่เกิดกรณีผู้ถือหุ้นใหญ่ถูกฟอร์ซเซล ก็ทำให้บริษัทสะดุดจนหัวทิ่ม ผลประกอบการพลิกมาขาดทุนสองไตรมาสซ้อน จนทำให้งบงวด 9 เดือนของปี 2567 มีตัวเลขติดลบอยู่ที่ 384.32 ล้านบาท มิหนำซ้ำยังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนักซ้ำเติมอีก…
ทำให้นักลงทุนเฝ้าจับตาถึงการเปลี่ยนแปลงของ YGG จะนำไปสู่อะไร..?? จะมีอนาคตที่ดีกว่าวันนี้หรือเปล่า..??
ล่าสุดเริ่มเห็นเลือนราง เมื่อมติบอร์ดวันที่ 6 ม.ค. 2568 ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 496.99 ล้านบาท จากเดิม 300.99 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่จำนวน 391.99 ล้านหุ้น แบ่งเป็น 250 ล้านหุ้น เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ให้กับบุคคล 6 ราย ที่ราคาหุ้นละ 0.54 บาท รวมมูลค่า 135 ล้านบาท ได้แก่ “พิรัส ศิริขวัญชัย” จำนวน 10 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.17%, “รศ.นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี” จำนวน 20 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.35%, “ทัศน์ดาว ชมเชย” จำนวน 30 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.52%, “เธียรชัย ลีสิรวงศ์” จำนวน 35 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.11%, “อัครภิทย์ตา มีชัยวงค์” จำนวน 75 ล้านหุ้น คิดเป็น 8.80% และ “กิตติ ดุษฎีพฤฒิพันธุ์” จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็น 9.39%
ส่วนที่เหลือรองรับการออกวอร์แรนต์ครั้งที่ 2 (YGG-W2) จำนวนไม่เกิน 141.99 ล้านหน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) โดยไม่คิดมูลค่า อัตราการจัดสรร 6 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยวอร์แรนต์ มีอัตราใช้สิทธิ 1 หน่วยวอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ที่ราคาใช้สิทธิ 3 บาท
ทำให้ภายหลังการเพิ่มทุน โครงสร้างผู้ถือหุ้น 5 อันดับแรก จะมี “กิตติ” ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1, “อัครภิทย์ตา” ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2, “เธียรชัย” ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3, “ทัศน์ดาว” ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 และ “บัญชา เกียรติสุขสถิต” ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5
ส่วนวัตถุประสงค์การใช้เงินเพิ่มทุน…ก้อนแรก 95 ล้านบาท จะใช้เป็นเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ส่วนอีกก้อน 40 ล้านบาท ใช้สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยทั้งหมดกำหนดใช้ภายในไตรมาส 4/2568
แต่ไฮไลต์คงเป็นคนที่มาซื้อหุ้นเพิ่มทุนนี่แหละ…จากการสอบทานประวัติแต่ละคนไม่ธรรมดา อย่าง “กิตติ” เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ของบริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIGER เชียวนะ ในขณะที่ “อัครภิทย์ตา” นอกจากเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 7 ของ TIGER แล้ว ยังเป็นผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานกลางด้วย ส่วน “ทัศน์ดาว” พบเป็นเลขานุการของ TIGER
ฟาก “รศ.นพ.สมศักดิ์” เคยเป็นอดีตผู้บริหารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ส่วนปัจจุบันเป็นประธานกรรมการ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ด้าน “พิรัส” เป็นอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานด้านยุทธศาสตร์ ขณะที่ “เธียรชัย” เป็นผู้บริหาร บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด
ดู ๆ ไปการเพิ่มทุนครั้งนี้ก็เหมือน “เสือขย้ำแมว” นะเนี่ย..!? กลุ่ม TIGER รวบหัวรวบหาง YGG…
น่าสนใจการมาของกลุ่มคนเหล่านี้ ต้องการเป็นสตราทีจิกพาร์ตเนอร์ หรือเป็นแค่นักลงทุนที่ต้องการเข้ามาลงทุนในหุ้น YGG…แต่เบื้องต้นยังนึกภาพไม่ออกว่า YGG กับ TIGER หรือ YGG กับ OKJ จะ Synergy กันยังไง..?? นึกไม่ออกจริง ๆ พับผ่าสิ..!?
งั้นโอกาสเป็นไปได้มากสุดแค่เป็นการลงทุนหรือเปล่า..??
แต่ดูเหมือนการมาของคนกลุ่มนี้ถูกตั้งความหวังไว้สูง เห็นได้จากราคาหุ้น YGG วานนี้ (7 ม.ค. 2568) ที่พุ่งชนซิลลิ่ง ปิดตลาดที่ 80 สตางค์…
แต่ระวังตั้งความหวังสูง…ก็มีโอกาสผิดหวังสูงเช่นกันนะจิบอกให้…
จากปรากฏการณ์ “เสือขย้ำแมว” อาจกลายเป็น “เสือติดจั่น” ก็ได้นะ..?? ใครจะไปรู้…
…อิ อิ อิ…