ลูกไก่ในกำมือ แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

นับถอยหลังจากนี้ไป เส้นตายของบริษัทที่ชนะการประมูลใบอนุญาต 4G คลื่น 900 MHz จำนวน 2 ใบ ใบหนึ่งคือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE อีกใบคือ บริษัท จัสมิน อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS จะเหลือเพียง 49 วัน

ถือเป็น 49 วันอันตรายเลยทีเดียว เพราะหากไม่สามารถเอาแบงก์การันตีมานำเสนอต่อ กสทช.ตามเส้นตายที่กำหนดเอาไว้แล้ว เท่ากับอนาคตติดลบกันเลยทีเดียว เพราะมีบทลงโทษสารพัดตามมา

งานนี้ ดูเหมือนทางด้านฝ่ายแรกอย่าง TRUE ฉลุยไปล่วงหน้าแล้ว เพราะมีคนยินยอมปล่อยกู้แบบ syndicate loan หลายแห่ง แม้กระทั่งธนาคารออมสินของรัฐบาล ยังร่วมกับเขาด้วยเลยในวงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท…ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

เหลือเพียงแค่ JAS ที่ยังคงปวดตับกับการเป็นลูกไก่ในกำมือของบรรดาแหล่งระดมทุนแรกสุดคือ ธนาคารพาณิชย์  เพราะจนถึงวันนี้ ผ่านมาเดือนเศษ ยังไม่มีความแน่นอนเลยว่า ที่ตกปากรับคำกันแต่แรกนั้น จะมีการปล่อยสินเชื่อออกมาเท่าใด

โดยเฉพาะที่พึ่งหลักอย่าง ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL ที่เคยเจรจาต้าอ่วยกันเอาไว้ก่อนการประมูล

ทีแรกก็ดึงเรื่องเอาไว้ อ้างกฎแบงก์ชาติว่า การปล่อยกู้รายเดียว มีทั้งแบงก์การันตี 7.56 หมื่นล้าน และเงินลงทุนสร้างเครือข่าย 4 อีกหลายหมื่นล้าน รวมๆ กัน มากกว่า 1 แสนล้านรายเดียว มันเกินเพดานเยอะ ต้องขออนุญาตแบงก์ชาติเสียก่อน

ครั้นแบงก์ชาติบอกว่า ไม่เกี่ยวๆๆๆๆ ….หน้าที่แบงก์ชาติแค่กำกับดูแลไม่ให้มีความเสี่ยง …นายแบงก์พาณชิย์ต้องใช้ดุลยพินิจเอาเอง อย่ามาโยนให้แบงก์ชาติเป็นแพะ….ก็เฉไฉไปว่า ยังไม่ได้รับเรื่องและแผนธุรกิจ

ยิ่งเวลาผ่านไป JAS ยิ่งร้อนรน แม้ทางกสทช.จะพยายามออกมาบอกว่า ไม่มีปัญหาๆๆๆๆ…คุยกันดีมาตลอด..ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ราคาหุ้น JAS บนกระดานในตลาดดีขึ้น ต่ำเตี้ยใต้ 3.00 บาทต่อเนื่องมานานหลายสัปดาห์

ในขณะที่นักวิเคราะห์ก็ขย่มกันเรื่อยๆ ว่า ราคาน่าจะต้องลงไปที่ใต้ 1.00 บาท ด้วยซ้ำ

ล่าสุด  หลังจากที่ TRUE ยอมศิโรราบ ด้วยเงื่อนไข “เพิ่มทุนก่อน เงินกู้ทีหลัง” ไปแล้ว งานนี้ก็เลยมีไอเดียใหม่ขึ้นมา เปิดตัวไม่ต้องอ้อมค้อมเหมือนเก่า

เมื่อวานนี้ พี่ใหญ่มือเก๋าสุดของ BBL ระดับรองประธานคณะกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ นายเดชา ตุลานันท์ ก็แบไต๋ ออกมาให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า  จนถึงขณะนี้ BBL ยังรอให้บริษัท แจส โมบาย บรอดแบรนด์ จำกัด ยื่นแผนธุรกิจฉบับใหม่เพื่อประกอบการพิจารณาคำขอสินเชื่อ หลังจากแจส โมบาย ขอปรับวงเงินกู้เพิ่มจากเดิมที่ยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารในวงเงินราว 4 หมื่นล้านบาท

จากนั้น ท่านรองประธานบริหารก็ย้ำอีกครั้งว่า  “หากทาง แจส โมบาย ยังไม่ส่งแผนงานดังกล่าวมาให้พิจารณา ทางธนาคารก็คงยังไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ได้….ตอนนี้ยังไม่มีการทำแผนธุรกิจเข้ามาใหม่ ….เราก็ต้องดูว่าแผนดังกล่าวมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าเป็นไปได้ จะให้ปล่อยสินเชื่อกว่า 7 หมื่นล้านบาท เราก็ทำได้”

แทงกั๊กอย่างนี้ บอสใหญ่ค่าย JAS นายพิชญ์ โพธารามิก มีโอกาสหัวหงอกก่อนวัยแน่นอน ต้องทบทวนว่าระหว่างเพิ่มทุนบริษัทลูก ตามแผนเดิม กับเพิ่มทุนบริษัทแม่ ตามที่แบงก์พาณิชย์ต้องการ ตามสูตร TRUE จะเอาอย่างไหน

นี่ยังไม่นับเงื่อนไขเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้อีกนะ..รับรองงานนี้ ไม่จบเร็วแน่ เพราะ…ลูกไก่ในกำมือนั้น จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด…เข้าตำราเปี๊ยบ

คนที่ปวดขมับก็ปวดไป เพราะยิ่งเวลาเหลือน้อยเท่าใด เงื่อนไขของการปล่อยสินเชื่อจะยิ่งโหดยิ่งขึ้น…ไม่ต้องบอกก็รู้

มีกลุ่มเดียวที่ดูจะดีใจมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ได้แก่ นักวิเคราะห์ที่รอย่ำซ้ำ หลังจากที่เคยมีการออกบทวิเคราะห์มาไม่นานนี้ว่า หาก JAS ได้ลงมือทำ 4G จริง ปีนี้ อาจจะขาดทุนประมาณ 2,281 ล้านบาท ในขณะที่นับไปอีก 3 ปีข้างหน้า อาจจะขาดทุนรวมๆ กันประมาณ 5 พันล้านบาท เสี่ยงต่อการเพิ่มทุนใน 2 ปีข้างหน้า เพราะมีปัจจัยลบเพียบพร้อม ทั้งต้นทุนใบอนุญาต ค่าใช้จ่ายในการวางเครือข่าย และการตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการที่แย่งชิงกลับจากผู้ให้บริการมือถือรายเดิม 3 ราย

เนื่องจากคำพยากรณ์ (หรือเว้ากันตรงๆ ว่า สาปแช่ง) จะเกิดผลเร็วกว่าที่คาดเยอะ …แม่นยิ่งนัก…อิ อิ อิ