โทนี่ทอล์ค&วิชั่น

“พี่ เรามาร่วมสร้างพรรคการเมืองใหม่ด้วยกัน เรามาช่วยกันทำเศรษฐกิจประเทศชาติให้ดี ตลาดหุ้นก็จะดีขึ้นเอง พวกเรามีหุ้นกันเป็นหมื่นเป็นแสนล้านหุ้น หุ้นขึ้นแค่บาทเดียว พวกเราก็รวยกันเป็นหมื่นเป็นแสนล้านแล้ว ไม่ต้องไปหากินคอร์รัปชัน”


“พี่ เรามาร่วมสร้างพรรคการเมืองใหม่ด้วยกัน เรามาช่วยกันทำเศรษฐกิจประเทศชาติให้ดี ตลาดหุ้นก็จะดีขึ้นเอง พวกเรามีหุ้นกันเป็นหมื่นเป็นแสนล้านหุ้น หุ้นขึ้นแค่บาทเดียว พวกเราก็รวยกันเป็นหมื่นเป็นแสนล้านแล้ว ไม่ต้องไปหากินคอร์รัปชัน”

คำพูดดร.ทักษิณ ชินวัตร เชิญชวนนักธุรกิจรุ่นใหญ่ระดับเบอร์ต้น ๆ ของประเทศ เข้าร่วมบุกเบิกสร้างพรรคไทยรักไทย ก่อนชัยชนะเลือกตั้งใหญ่พ.ศ. 2544 และเป็นผู้นำเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลผสม ดำรงอยู่จนครบวาระ 11 มี.ค. 2548

รัฐบาลทักษิณเข้ามาปลุกเศรษฐกิจอย่างคึกคัก อาทิ การพักชำระหนี้ กองทุนหมู่บ้าน 30 บาทรักษาทุกโรค โอทอป และการเจรจาข้อตกลงการค้า FTA ฯลฯ การค้าขายเจริญรุ่งเรืองทั้งต่างประเทศและในประเทศ จนสามารถชำระหนี้เงินกู้ IMF ได้ก่อนกำหนด

จากที่ GDP ติดลบมโหฬารถึง 7.6% ในปี 2541 ยุคทักษิณ (44-48) GDP เติบโต 3.4-6.1-7.2 และ 6.3% ตามลำดับ มิได้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหมือนช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมานี้

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เฟื่องฟูตาม!

ดัชนีหลักทรัพย์ที่เข้ามาบริหารงานปีแรก ปิด ณ สิ้นปี 2544 ที่ 303 จุด จาก 269 จุด ช่วงสิ้นปี 2543 ของรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ จากนั้น ดัชนีหลักทรัพย์ในปี 2545-46 และ 47 ก็ปรับตัวขึ้นเป็น 356,772 และ 668 จุดตามลำดับ

สมัยที่ 2 ของรัฐบาลทักษิณ (11 มี.ค. 48-19 ก.ย. 49) ที่ได้รับชัยชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ดัชนีหลักทรัพย์ ณ สิ้นปี 2548 ปิดที่ 713 จุด และดัชนีปิด ณ 18 ก.ย. 2549 ก่อนวันรัฐประหาร 1 วัน ดัชนีปิดที่ 702 จุด และสิ้นปี 2549 หลังรัฐประหาร ดัชนีปรับตัวลงมาที่ 679 จุด

ถ้าเศรษฐกิจบ้านเมืองดี ตลาดหุ้นก็ดีตาม สมดั่งวาทะดร.ทักษิณเมื่อ 25 ปีก่อนทุกประการ

วิชั่นหรือวิสัยทัศน์ดร.ทักษิณเกี่ยวกับตลาดหุ้นอีกประการหนึ่งก็คือ ต้องทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ตแคป เท่ากับ GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) ให้ได้ ซึ่งขณะนั้นในราวปี 2545-46 มาร์เก็ตแคปตลาดอยู่ที่ 1.8-2 ล้านล้านบาทเท่านั้น 

ห่างจากมูลค่า GDP ปี 45-46 ที่ 5.7 และ 6.1 ล้านล้านบาท ตามลำดับเป็นอันมาก

การมีมาร์เก็ตแคปตลาดที่สูงขึ้น ก็หมายถึงว่า คุณภาพหลักทรัพย์และราคาของบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ ได้ยกระดับสูงขึ้น และสินค้าหรือหลักทรัพย์ในตลาดมีปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งจะยกระดับพัฒนาตลาดหุ้นไทยให้เป็นตลาดที่ใหญ่ขึ้น และมีสินค้ามากมายหลากหลายให้เลือกลงทุน

เพื่อจะได้เป็นตลาดไซส์ใหญ่มีมาตรฐาน จะเข้า (ซื้อ) หรือจะออก (ขาย) ก็เข้าง่ายออกสบาย

วันเวลาผ่านมากว่า 23-24 ปี ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน มีไซส์หรือขนาดใหญ่มากขึ้น มูลค่าหลักทรัพย์รวมในระดับ 17.3 ล้านล้านบาท จีดีพีหรือมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมปัจจุบันก็ในราว 17.9 ล้านล้านบาท ซึ่งก็เริ่มจะใกล้เคียงกันมากขึ้นแล้ว

แต่ตลาดหุ้นไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ออกอาการถอยหลังและทรงตัวทั้งด้านดัชนีหลักทรัพย์และมูลค่าซื้อขายประจำวัน ในขณะที่เศรษฐกิจเจริญเติบโตในอัตราต่ำมากว่า 1 ทศวรรษแล้ว 

หากภาวะนี้ดำรงคงอยู่ต่อไป ก็ถือว่าอันตรายมาก และจะส่งผลกระทบไปยังตลาดตราสารหนี้มูลค่าปีละประมาณ 1 ล้านล้านบาท ปัญหาการระดมทุนของภาคเอกชนและภาครัฐทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง รวมทั้งปัญหาการบริหารเงินออมอย่างมีประสิทธิภาพ

เรียกว่า “เสียเซลฟ์” ตลาดหุ้นป่วยจะก่อความเสียหายเป็นอันมากแก่เศรษฐกิจไทย

ข่าวหุ้นธุรกิจ ถือเป็นโอกาสอันดีในการขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยให้มีพลัง สามารถฝ่าวิกฤตความซบเซาและความถดถอยออกไปให้ได้ โดยได้รับเกียรติอย่างสูงจากดร.ทักษิณ ชินวัตร บุคคลในประวัติศาสตร์การปกครอง เศรษฐกิจและตลาดทุน…

มาร่วมกันเปลี่ยนตลาดหมีเป็นกระทิงในงานดินเนอร์ทอล์ค จันทร์ที่ 13 ม.ค.ศกนี้ในเวลา 17.30-21.30 น. ณ ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิต และติดตามรับชมได้ทางยูทูบช่อง Kaohoon TV Online และ AIS Play

ปล.รายการ Chat with Tony เป็นรายการความรู้และวิทยาการตลาดทุน ไม่มีส่วนเกี่ยวพันใด ๆ กับทางการเมืองทั้งสิ้น

ชาญชัย สงวนวงศ์

Back to top button