AOT ถูกชอร์ตเซล?
บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT ราคาหุ้นปรับลงต่อเนื่อง แน่นอนว่า หุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ราคาลงมาลึก ย่อมเกิดคำถามจากนักลงทุนว่า “เกิดอะไรขึ้น”
บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT ราคาหุ้นปรับลงต่อเนื่อง
แน่นอนว่า หุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ (8.32 แสนล้านบาท ณ วันที่ 10 ม.ค. 2568) ราคาลงมาลึก ย่อมเกิดคำถามจากนักลงทุนว่า “เกิดอะไรขึ้น”
เพราะหากจะดูจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยในปี 2567
มีจำนวนมากกว่า 35.5 ล้านบาท
บวกกับจำนวนผู้โดยสารคนไทยที่เข้ามาใช้บริการสนามบินของ AOT ทั้ง 5 แห่ง คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต เชียงราย (แม่ฟ้าหลวง) รวม ๆ แล้วประมาณ 120 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ย้อนกลับมาที่ราคาหุ้นของ AOT
วานนี้ลงมาต่ำสุด 55.75 บาท
ทว่า ราคาหุ้นที่เคลื่อนไหววานนี้ (13 ม.ค.) หากเทียบกับกับ ณ สิ้นปี 2567 นั้น
ปรับลงมาแล้วประมาณ 9%
หุ้นขนาดใหญ่แล้วราคาลงลึกในช่วงเวลารวดเร็วแบบนี้
มีแต่นักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุน และฟันด์โฟลว์ เท่านั้นที่จะทำให้ (ขาย) ราคาลงมาแบบนี้ได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นแรงขายของบรรดากองทุนต่าง ๆ หรือฟันด์โฟลว์นั้น ย่อมจะมีคำถามต่อมาอีกว่า แล้วสาเหตุของการขายมาจากเหตุลใด
เท่าที่ตรวจสอบข้อมูล พบว่า กลุ่มนักลงทุนที่เล่น หรือซื้อ ๆ ขาย ๆ หุ้น AOT มากสุดนั้น เป็นกลุ่มกองทุน ประเภทกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และ กองทุน RMF หรือ Retirement Mutual Fund และรวมถึงนักลงทุนต่างประเทศหรือฟันด์โฟลว์ด้วย
ในด้านของฟันด์โฟลว์นั้น น่าจะเป็นการ “ขายทำกำไร” เพราะต้นทุนของกลุ่มต่างชาติค่อนข้างต่ำ
ส่วนในด้านของแอลทีเอฟ (LTF) นั้น
มีความเป็นไปได้สูงว่า กลุ่มโบรกฯ อาจจะมีการประเมินว่า ในช่วงเกือบ ๆ ปลายเดือนม.ค.นี้
เป็นช่วงของวันครบกำหนดของกองทุนแอลทีเอฟ น่าจะมีคำสั่งจากนักลงทุนให้กองทุนต่าง ๆ ขายหน่วยลงทุน LTF ออกมา และน่าจะทำให้หุ้นเกิดการปรับราคาลง
จึงมีการทำ “ชอร์ตเซล” เกิดขึ้น
นอกจากนั้น อาจจะยังมีปัจจัยอื่นที่เป็นเซนติเมนต์เชิงลบ เช่น เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ยังไม่มีความชัดเจน
และอาจรวมถึงความกังวลเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีน (เซนติเมนต์เชิงลบ)
แต่หากหันมาดูในด้านของ Fundamental หรือพื้นฐานต่าง ๆ
ล่าสุด หลักทรัพย์บัวหลวง จะมีการเชิญผู้บริหารระดับสูงของ AOT มาในงาน BLS Thai Corporate Day วันที่ 14 ม.ค.นี้ ซึ่งคงต้องติดตามกันว่า จะมีข้อมูลอัพเดทออกมาอย่างไร
แต่จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่าจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินที่สนามบินหลักของ AOT ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นอย่างมากในสัปดาห์แรกของปีนี้ที่ 15%, 24% และ 20% ตามลำดับ
ที่สำคัญ ส่วนใหญ่หนุนจากผู้โดยสารต่างประเทศ
ในปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. 2567-ก.ย. 2568) AOT ได้ตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารที่ 130 ล้านราย คิดเป็น 92% ของระดับก่อนโควิดในปี 2562 และเพิ่มขึ้น 9% จากปี 2567
AOT เองนั้น กำลังมุ่งไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค
มีการนำเทคโนโลยีและขยายโครงสร้างพื้นฐานในปี 2567 และจะดำเนินการต่อในปี 2568 เช่น ตู้เช็กอินด้วยตัวเอง (CUSS) จุดเช็กอินกระเป๋าอัตโนมัติ (CUBD) การตรวจสอบพาสปอร์ตผ่านระบบอัตโนมัติ (ABC) และระบบชีวภาพ
การดำเนินการต่าง ๆ เหล่านี้ ช่วยทำให้การเดินทางของผู้โดยสารเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น
ในด้านของสัญญาณทางเทคนิคเกี่ยวกับราคาหุ้น AOT
จะมีแนวรับสำคัญอยู่บริเวณ 55.00 บาท
แต่หากจะถามว่า แรงขายฟันด์โฟลว์ การทำชอร์ตเซล และการรับเซนติเมนต์เชิงลบจากนักท่องเที่ยวจีน
มาจากปัจจัยหรือเรื่องไหนมากกว่ากัน
ว่ากันว่า อาจจะมาจากแรง “ชอร์ตเซล”
ธนะชัย ณ นคร