ของฝากจากโทนี่

คลาคล่ำจริง ๆ และยังคงเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์” ถึงเดี๋ยวนี้ครับ งานดินเนอร์ทอล์ก “Chat with Tony:Bull Rally of Thai Capital Market”


คลาคล่ำจริง ๆ และยังคงเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์” ถึงเดี๋ยวนี้ครับ งานดินเนอร์ทอล์ก “Chat with Tony:Bull Rally of Thai Capital Market” ณ โรงแรมดุสิตธานี เมื่อค่ำคืนวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา

แม้วันรุ่งขึ้น อังคารที่ 14 ม.ค.ที่ทุกคนจับจ้องว่า หลังรายการทอล์กผ่านไป ตลาดหุ้นจะขานรับมากน้อยแค่ไหน  ดร.ทักษิณเองก็ยังฝากความหวังบนเวทีไว้กับ “ผู้จัดการกองทุน” ทั้งหลายที่เข้าร่วมงาน 

“พรุ่งนี้ หุ้นไม่ขึ้น ผมจะไปอยู่ไหนดี” คำกล่าวติดตลกของดร.ทักษิณบนเวที

แต่ตลาดดันไม่เป็นใจ ติดลบซะ 14 จุด หุ้นที่ถูกดร.ทักษิณกล่าวพาดพิง มีผลขึ้น-ลงทุกตัว แต่มีผลบวกมากกว่าลบถึง 40 ตัว หุ้นที่ตกหนักคือ PTT ปตท. ติดลบ 1 บาท เพราะถูกพาดพิงว่า ในแผนลดค่าไฟเหลือ 3.70 บาท จะต้องยอมหั่นราคาค่าผ่านท่อก๊าซลงมาด้วย

อย่างไรก็ดี วันที่ 15 ม.ค.ต่อมา ตลาดหุ้นได้แก้ตัวใหม่ ปรับตัวขึ้น 12.92 จุด แม้หุ้น DELTA ที่มีอิทธิพลต่อดัชนีจะปรับตัวลง 3.50 บาท และวันรุ่งขึ้นที่ 16 ม.ค.ก็มีแนวโน้มจะฟื้นตัวต่อ ตลาดหุ้นก็มักจะเป็นเช่นนี้ คาดเดาได้ยาก โดยเฉพาะหุ้นช่วงเศรษฐกิจเติบโตต่ำ เงินเฟ้อก็ต่ำ

แนวโน้มจะเป็น “ขาลง” มากกว่า

รายการค่ำคืนนั้นดร.ทักษิณ “จัดเต็ม” สาระทั้งในภาคของตลาดหุ้นและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมเวลากว่า 2 ชั่วโมง เป็นปาฐกถา 1 ชั่วโมงและรอบ Q&A 1 ชั่วโมง ปีนี้คุณทักษิณอายุ 76 ขวบปีแล้ว แต่สมองและความจำยังดีเลิศทุกประการ

เรื่องตลาดหุ้น คุณทักษิณเน้นองค์ประกอบ 3 ส่วนของตลาดหุ้น คือ Trust-ความน่าเชื่อถือ, Confidence-ความเชื่อมั่น และ Sentiment-ความรู้สึก ซึ่งขาดหายไป ต้องเร่งสร้าง แจกแจงออกมาถึง 7 ประเด็นอันได้แก่

1)เรื่องความโปร่งใส ก.ล.ต.และตลท.ยังแก้ปัญหาล่าช้า การตรวจสุขภาพบจ.ต้องทำตลอดเวลา 2)การใช้โรบอท เทรดดิ้ง ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ใครเลย ตลท.ต้องตรวจสอบ HFT ไม่ให้เอาเปรียบนักลงทุนรายย่อย 

3)เคลื่อนไหวช้า เมื่อเกิดปัญหามีการอธิบายช้า ทำให้ต่างชาติขาดความเชื่อถือ กระทรวงการคลังกำลังหาทางเพิ่มอำนาจให้ก.ล.ต.ส่งฟ้องได้เลยโดยไม่ต้องรออัยการและดีเอสไอ 

4)บจ.ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจเก่าและมีธุรกิจใหม่ขนาดใหญ่น้อย รัฐบาลจะให้ BOI ชักชวนบริษัทต่างชาติที่ลงทุนในไทย เข้ามา IPO ในตลท.เช่น เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 5 แสนล้านบาท หากเข้ามาในตลาดก็จะช่วยเพิ่มจำนวนหลักทรัพย์และบจ.มากขึ้น

5)หุ้นหลายตัวที่ P/E และ P/BV ต่ำ ตลท.ควรสนับสนุนให้บริษัทซื้อหุ้นคืน เพื่อทำแผนให้ราคาตลาดกับบุ๊กแวลูใกล้เคียงกัน 6)ก.ล.ต.ควรเปิดภาคดิจิทัล เพิ่มโอกาสด้านทรัพย์์สินใหม่ ๆ เช่น บิตคอยน์ สเตเบิลคอยน์ การขายบอนด์ล็อตเล็ก ๆ สั้น ๆ เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น

และ 7)ตลาดคาร์บอน เครดิต ซึ่งที่ไทยขายกันตอนนี้ที่ 7 เหรียญฯ/ตัน แต่ที่สิงคโปร์และยุโรปแพงกว่าที่ไทยเยอะมาก

7ประเด็นตลาดหุ้นจากโทนี่ โดนใจนักลงทุนแค่ไหน ทั้งทรัสต์ คอนฟิเดนซ์ และเซนติเมนต์จะกลับมาเติมเต็มได้มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป

แต่อย่างน้อย ก.ล.ต.ก็ขานรับ โดยการจัดงานแถลงข่าวด่วนในวันที่ 15..ที่ผ่านมา เนื้อหาก็เหมือนเป็นการตรวจการบ้านที่โทนี่ “ทิ้งโจทย์” เอาไว้ให้

ส่วนในภาคเศรษฐกิจ สิ่งที่กล่าวขวัญกันมากที่สุดในเวทีวันนั้นก็ได้แก่ โครงการลงทุนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 500,000 ล้านบาท ซึ่งภายในนั้นจะมีส่วนของ “กาสิโน” 10% ของพื้นที่อยู่ในนั้นด้วย, ค่าไฟฟ้า 3.70 บาท ซึ่งมีแนวปฏิบัติคืบหน้ามาแล้วว่า “ทำได้”

รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดทุกสาย โดยการจัดตั้งกองทุนเพื่อซื้อสัมปทานคืน, กฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ์ บ้านเช่า 99 ปีในทรัพย์สินรัฐ, โครงการถมทะเล ซึ่งจะแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ และสร้างเมืองใหม่ที่สะอาดเป็นระเบียบไปในตัว

การส่งเสริมธุรกิจใหม่ทั้งดาต้าเซ็นเตอร์, AI, สเต็มเซลล์, อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์, และการเปิดรับทรัพย์สินใหม่ในรูปของเงินดิจิทัลเช่น บิตคอยน์ รัฐบาลอาจจะเริ่มต้นทำแซนด์บอกซ์ที่ภูเก็ต เพื่อรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ

เพราะเทรนด์ทั่วโลกมาทางนี้กันแล้ว หากรัฐบาลสหรัฐฯ ยุคโดนัลด์ ทรัมป์ นำเงินดิจิทัลมาใช้ ประเทศไทยจะตามไม่ทันโลก

ปัญหาเรื้อรังทำร้ายสังคมไทย ต้องแก้ไขให้ราบคาบ นั่นก็คือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้องร่วมกันขจัดปัญหาที่ต้นตอ ทั้งเจรจากับเพื่อนบ้าน กฟภ.ต้องไม่ลากสายไฟฟ้าไปให้มิจฉาชีพ กระทรวงดีอีและโอเปอเรเตอร์ทั้งหลาย ก็ต้องปิดสัญญาณ ไม่ให้อาชญากรมีเครื่องมือหลอกลวง

ปัญหาฝุ่น PM2.5 จำเป็นต้องขอความร่วมมือเกษตรกรไม่ให้เผาซังข้าวข้าวโพดหรือการเผาอ้อย ผู้ใดฝ่าฝืนจะโดนตัดเงินอุดหนุนเกษตรกร ปัญหายาบ้า ก็ต้องขอความร่วมมือเพื่อนบ้าน และใช้กฎหมายจัดการขั้นเด็ดขาดกับผู้ค้าและบำบัดผู้เสพ

ต้องเอาเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดินให้หมดทั้งกาสิโนถูกกฎหมายและการพนันออนไลน์ ซึ่งจะมีกฎหมายควบคุมอย่างเข้มงวด และมีการจัดเก็บภาษีเข้ารัฐเป็นรายได้แผ่นดินด้วย, ประเทศไทยต้องพัฒนาคนและพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ ไม่เช่นนั้น ประเทศไทยจะเสียเปรียบ กลายเป็นเทียร์ล่างของระบบเศรษฐกิจตลอดไป

สุดท้ายนี้ ลาจากกันด้วยการตั้งเป้า GDP ปี 68 เติบโต 3%, ปี 69 โต 4% และปี 70 โต 5% ขอให้ประเทศไทยโชคดี

ชาญชัย สงวนวงศ์

Back to top button