KCG คุกกี้กระป๋องแดงกำไรงาม!

คุณค่าบริษัท

บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG เป็นผู้ผลิตเนย-ชีส และคุกกี้กล่องแดงอิมพีเรียลในตำนานที่หลายคนชื่นชอบ…ด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ทำให้ KCG สามารถสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่อง สะท้อนได้จากงบปี 2565 ที่มีรายได้รวม 6,190.79 ล้านบาท กำไรสุทธิ 241.06 ล้านบาท ถัดมาปี 2566 มีรายได้รวม 7,192.08 ล้านบาท กำไรสุทธิ 305.90 ล้านบาท

ส่วนงวด 9 เดือนของปี 2567 ตุนกำไรสุทธิไว้แล้ว 242.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 164.52 ล้านบาท และมีรายได้รวม 5,243.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,987.60 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์และทุกช่องทางการจำหน่าย

ขณะที่ คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2567 รับปัจจัยหนุนจาก 1) เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ซึ่งจะหนุนให้ยอดขายปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เบอเกอรี่และบิสกิต  และ 2) การปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิต เช่น การปรับปรุงเครื่องจักร การปรับผังโรงงาน และการเปิดคลังใหม่โครงการ logistics park ที่จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งและการจัดเก็บสินค้า

สอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์ที่ยังมองเชิงบวกต่อ KCG โดยบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า กําไรสุทธิในช่วง 9 เดือนปี 2567 ของ KCG คิดเป็น 63% ของประมาณการทั้งปี 2567 และยังคงประมาณการกําไรสุทธิปี 2567 ไว้ที่ 388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% และปี 2568 ที่ 447 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%

ส่วนแนวโน้มกําไรสุทธิในไตรมาส 4/2567 จะเร่งขึ้นจากช่วง Festive Season ของธุรกิจ ประกอบกับโครงการ Logistic Park จะเปิดดำเนินการ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งและลดค่าเช่าในการจัดเก็บสต๊อกสินค้าและยังสามารถชดเชยต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นได้บางส่วน ด้านราคาเนยในปัจจุบันได้ปรับลดลงบ้าง แต่ยังอยู่ในระดับสูง อาจทำให้ต้นทุนวัตถุดิบยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา

ฟากบล.ทรีนีตี้ คาดว่ากําไรปี 2567 ของ KCG ยังขยายตัวได้ราว 18.5% เนื่องจากในไตรมาส 4/2567 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจที่เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงกําลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศที่สูงขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ และการรับรู้ผลของการเปิดใช้งาน KCG Logistic Park เต็มไตรมาส

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น KCG ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 9.50 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 18.67 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 1.31 เท่า ก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.35 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 11.94 บาท จากราคาต่ำสุด 11 บาท และราคาสูงสุด 13 บาท