พาราสาวะถี
ขนาด แพทองธาร ชินวัตร ยังไม่รอดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพียงแต่ว่าเจ้าตัวอุบไต๋ไม่ยอมบอกว่า พวกมิจฉาชีพปลอมเป็นเสียงใครมาหลอกให้โอนเงินบริจาค
ขนาด แพทองธาร ชินวัตร ยังไม่รอดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพียงแต่ว่าเจ้าตัวอุบไต๋ไม่ยอมบอกว่า พวกมิจฉาชีพปลอมเป็นเสียงใครมาหลอกให้โอนเงินบริจาค แต่ ทักษิณ ชินวัตร เฉลยแล้วมีการใช้เอไอทำเสียงเป็น โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ให้โอนเงินไปที่ฮ่องกง นายใหญ่บอกว่า “มันเล่นทุกรูปแบบ” พร้อมบอกด้วยว่าขบวนการใหญ่อยู่ที่พม่ากับเขมร เขมรให้ความร่วมมือดี เดี๋ยวจะเบาบางลง พม่าก็น่าจะจบ เพื่อนบ้านจะไม่มีพวกที่ทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฉะนั้น ปีนี้ต้องเอาให้จบ
พูดแบบนี้ย่อมหนีไม่พ้นพวกนำไปสร้างประเด็น ทักษิณเป็นใคร มีอำนาจขนาดไหนถึงจะไปสั่งให้ประเทศเพื่อนบ้านกวาดล้างได้ขนาดนั้น อย่างนี้เข้าข่ายครอบงำ ชี้นำรัฐบาลหรือเปล่า ต้องไม่ลืมว่าอดีตนายกรัฐมนตรียังมีอีกหัวโขนคือที่ปรึกษาประธานอาเซียนที่ อันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำมาเลเซียตั้งในนามส่วนตัว ดังนั้น หากพูดคุย ขอความร่วมมือกันในหมวกใบนี้ย่อมไม่ผิดกติกา ซึ่งจะว่าไป หากไม่ดัดจริตจนเกินไป เป็นที่รู้กันอยู่ว่าสายสัมพันธ์ระหว่างคนบ้านจันทร์ส่องหล้ากับบรรดาผู้นำในภูมิภาคนั้นเป็นอย่างไร
ยังคงท้าทาย แม้ อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.จะขู่ว่า การเอานโยบายของรัฐบาลไปหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น ก้ำกึ่งว่าจะผิดกฎหมาย จน สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยบอกว่าอาจจะมีการปรับรูปแบบการหาเสียง แต่ผู้ช่วยหาเสียงอย่างทักษิณกลับไม่แยแส ยังคงมีการพูดถึงนโยบายของรัฐบาลที่จะทำ แถมบอกเงื่อนเวลาต่าง ๆ ไว้เสร็จสรรพ เหมือนอย่างกรณีการแจกเงินหมื่นเฟส 2 ในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีการประกาศว่าจะได้กันวันที่ 27 มกราคมนี้
ไม่เพียงเท่านั้น ยังพูดถึงเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่นายใหญ่มองว่ารัฐบาลจะต้องใช้การอธิบายให้เข้าใจ คนส่วนใหญ่เท่าที่สำรวจมาก็ชัดเจน แม้ว่าคนที่ไม่เห็นด้วยก็มีอยู่แล้ว แต่ไม่มาก สำคัญคือคนที่เอามาพูด มีข้อมูลข้อเท็จจริงที่ยังไม่ค่อยชัด พร้อมบอกด้วยว่าบางทีต้องโทษฝ่ายที่ทำกฎหมายที่อธิบายไม่ชัดเจน เมื่อทำกฎหมายไปทางกฤษฎีกาก็บอกว่า กฎหมายน่าจะครอบคลุมทางด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ด้วย แต่ไปเน้นระวังกติกาของกาสิโน
ไม่ใช่แค่ทักษิณที่มองถึงความจำเป็นในการสร้างความเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อน บรรดาคนที่ติดตามการทำกฎหมายฉบับนี้ ต่างก็เห็นว่าจุดที่เป็นเรื่องอ่อนไหวที่ฝ่ายต่อต้านหยิบยกมาโจมตีคือ กาสิโน ทั้งที่ความจริงกาสิโนมีเพียงไม่เกิน 10% ของพื้นที่ทั้งหมด แต่เนื้อหากฎหมายกลับไปเน้นเรื่องของกติกาการจัดตั้งกาสิโน ซึ่งทางกฤษฎีกาวิจารณ์ไปตรงนี้ ดังนั้น จึงต้องให้กฤษฎีกาไปช่วยทำกฎหมายให้ครอบคลุม โดยเฉพาะหัวใจสำคัญคือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
ประเด็นที่สื่อซึ่งติดตามทักษิณไปปราศรัยรอบนี้อยากได้ฟังจากปากมากที่สุด คงหนีไม่พ้นปม ชาดา ไทยเศรษฐ์ เซ็นทิ้งทวนเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ให้ยึดเอาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ คืนวัดธรรมิการามกลับเป็นที่ธรณีสงฆ์เหมือนเดิม ฟังคำตอบของนายใหญ่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นไปในโทนทางเดียวกับ อนุทิน ชาญวีรกูล โดยชี้ว่า กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ถ้าสมมติว่ามีการบอกให้เพิกถอนแล้วจะอย่างไรต่อก็ต้องว่าตามกฎหมาย เพิกถอนแล้ว ใครเป็นเจ้าของที่ จะเป็นวัดหรือไม่ แล้ววัดจะเอาอย่างไร จะชดเชยความเสียหายผู้ซื้อบริสุทธิ์อย่างไร
การตอบคำถามเรื่องนี้ของนายใหญ่ไม่มีอาการหงุดหงิดให้เห็น มิหนำซ้ำ ยังมองด้วยว่า การที่ชาดาเซ็นก่อนพ้นจากตำแหน่งไม่กี่วัน ไม่ใช่เรื่องที่ต้องติดใจ ถ้ากฎหมายให้อำนาจเซ็นก็เซ็นได้ ไม่มีปัญหา มิหนำซ้ำ ยังจะดีเสียด้วยซ้ำ เพราะทักษิณเห็นว่าในฐานะที่ตนเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟอัลไพน์ เอาอย่างไรก็เอา จะได้จบ ๆ เสียที คาราคาซังน่ารำคาญ และหากมีการถอนสิทธิจริง ๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะหลักการคือถ้าเป็นของกรมที่ดิน ก็ต้องชดเชยความเสียหายที่รับโอนอย่างไม่ถูกต้อง หรือหากเป็นของวัด ต้องถามว่าวัดจะชดเชยค่าเสียหายหรือให้เช่าต่อ คนเราถ้ารักษากติกาและไม่ยึดติดอะไร อย่าไปยึดติด ทุกอย่างให้เป็นไปตามกติกา
ยืนด้วยหลักการเช่นเดียวกันกับเสี่ยหนู นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า ทุกอย่างผ่านกระบวนการพูดคุยกันไปหมดแล้ว อย่างที่ว่าอย่าไปยึดติด ทุกอย่างให้เป็นไปตามกติกา สิทธิของผู้เสียหายมีอย่างไรบ้างก็ว่ากันไป ในเมื่อรัฐใช้อำนาจตรงนี้ผู้เสียหายก็มีสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหาย ถ้าเช่นนั้นเรื่องนี้หากจะจบก็จะเป็นแค่ปมความเสียหายที่เกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ ส่วนจะสะเทือนไปถึงเก้าอี้ของแพทองธารหรือไม่นั้น ฟังจากนายใหญ่ไม่ได้หวั่นไหวต่อสิ่งนี้ พร้อมบอกสื่อด้วยว่า อย่ามองทุกอย่างเป็นเรื่องใหญ่ การมองเราชอบเอาเรื่องเล็กไปมองเป็นเรื่องใหญ่ ความจริงไม่มีอะไรใหญ่
พอจะเข้าใจได้ การมีหลังพิงที่แน่นหนาย่อมไม่ตกใจกับประเด็นที่รู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจออะไรบ้าง บรรดานักร้องถือเป็นงานรูทีน มีปมอะไรที่เกี่ยวข้องกับทางนายกฯ หรือรัฐบาลก็หยิบยกไปกล่าวหา ส่วนจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ก็ว่ากันไปตามกติกา ไม่ต่างกันกับการชิงชัยในสนามเลือกตั้งสมาชิก อบจ. และนายก อบจ. ที่ถูกจับตามองว่า หลายพื้นที่เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างตัวแทนของเพื่อไทยกับภูมิใจไทย ซึ่งนายใหญ่มองว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง หลังจบการเลือกตั้งก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม บอกแล้วว่าการเมืองหน้าฉากกับหลังฉากอย่าคิดว่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน
ส่วนที่บรรดากองเชียร์เป็นห่วงท่วงทำนองการปราศรัยของทักษิณ อาจสุ่มเสี่ยงที่จะโดนเล่นงานจากฝ่ายคุมกติกา เจ้าตัวตอบอย่างฉะฉานว่า คงไม่ต้องระวังอะไร เราทำตามกฎหมาย ไม่มีปัญหาอะไรต้องห่วง เพียงแค่วันนี้ต้องให้ประชาชนมีความหวัง และช่วยกันทำงาน การเมืองถึงจะไปได้ การที่ตนออกมาเช่นนี้เพื่ออยากให้คนไทยได้มองว่า ยังมีอนาคต อดทนอีกนิด เราสู้ได้ แม้จะไม่พูดตรง ๆ ก็รู้แล้วว่า สารที่ต้องการจะสื่อให้คนส่วนใหญ่เข้าใจ การกลับมารอบนี้ไม่ใช่แค่ภารกิจเรียกคะแนนนิยมเพื่อไทยให้กลับคืนมาเท่านั้น แต่ได้รับภาระที่แบกไว้บนบ่าร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลพลิกขั้ว โดยมีการรับประกันความปลอดภัยไว้ทุกด้าน
อรชุน