พาราสาวะถี

ยืนยันมาแล้วจากสองรัฐมนตรีช่วยคลัง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ กับ เผ่าภูมิ โรจนสกุล แจกเงินหมื่นเฟส 3 จะสามารถจ่ายเงินได้ในไตรมาส 2 หรือ 3 ของปีนี้


ยืนยันมาแล้วจากสองรัฐมนตรีช่วยคลัง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ กับ เผ่าภูมิ โรจนสกุล แจกเงินหมื่นเฟส 3 จะสามารถจ่ายเงินได้ในไตรมาส 2 หรือ 3 ของปีนี้ ถ้ายึดตามคำที่ ทักษิณ ชินวัตร ป่าวประกาศบนเวทีหาเสียงเลือกนายก อบจ.ก็คือ จะมีเงินเข้ากระเป๋าคนที่ลงทะเบียนไว้แล้วในเฟส 3 ช่วงเดือนมีนาคมหรือเมษายนนี้ ตอนนี้ระบบที่จะรองรับอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมเพื่อทดสอบในเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมนี้ นั่นหมายความว่า น่าจะเป็นเดือนแรกของไตรมาส 2 ที่จะมีการแจกเงินกัน

ไม่น่าจะลากยาวไปถึงไตรมาส 3 ไม่ใช่แค่ทำให้นายใหญ่เสียหน้า แต่มันหมายถึงรัฐบาลมีปัญหาอะไรหรือไม่ ขณะเดียวกัน เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าทักษิณเป็นผู้ครอบงำ จึงต้องทิ้งจังหวะในการเติมเงินเข้ากระเป๋าประชาชน โดยอาจจะล่าช้าจากที่มีการประกาศไปไม่กี่วัน หรือแค่ข้ามเดือน โครงการนี้ถือเป็นเรือธงของเพื่อไทย ยังไงก็ต้องเดินหน้า มีการปรับเปลี่ยนกันมาถึงขนาดนี้แล้ว มาช้ายังดีกว่าไม่มี ทั้งเหตุผลคนคัดค้านมากกว่าที่คิด ในมิติทางการเมืองคือไม่ใช่รัฐบาลพรรคเดียว การดำเนินการจึงไม่สามารถทุบโต๊ะแล้วทำทันทีได้

ปมการถูกร้องเอาผิดผ่านนิติสงคราม ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องสำหรับ แพทองธาร ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ล่าสุดเป็นคิวของ “หมอเลี้ยบ” นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กับการถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง แล้วอุ๊งอิ๊งตั้งมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี และเป็นประธานคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ อาจมีสิทธิกระเด็นตกเก้าอี้ แต่ “หมอมิ้ง” นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ยืนยัน “ไม่มีอะไรหมิ่นเหม่เลย” 

เป็นธรรมดาเมื่อไปถามคนในรัฐบาลคำตอบย่อมเป็นไปในโทนทางนี้ ขณะที่ ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุว่า ตนไม่รู้เรื่องนี้ เพราะการแต่งตั้งหมอเลี้ยบไม่ได้มีการถามตนมา ส่วนมองว่าจะเข้าอีหรอบเดียวกันกับ กิตติรัตน์ ณ ระนอง หรือไม่นั้น ต้องไปดูข้อเท็จจริง และวินิจฉัยในแต่ละเรื่อง ซึ่งแต่ละกรณีอยู่ที่ว่ามีการหารือมาอย่างไร พฤติกรรมรายบุคคล แต่ละคำตอบไม่เหมือนกัน ซึ่งอยู่ที่คำถาม ทั้งนี้ บรรดาแกนนำของเพื่อไทย และรัฐบาล ไม่ได้น่าหนักใจในเรื่องนี้ ใครที่สงสัยก็ไปยื่นร้องตามกระบวนการได้

ขณะเดียวกัน ปมของที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ฟังจากคำให้สัมภาษณ์ของเลขาฯ กฤษฎีกาแล้ว พอจะเดาได้ว่า ท้ายที่สุดหวยจะออกไปในทางใด เบื้องต้นหากยึดตามแนวทางคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่มีมาตั้งแต่ปี 2544 คือ ที่ดินที่ได้มาโดยมรดกต้องทำตามที่เจ้าของมรดกกำหนด เมื่อต้องการให้ตกแก่วัดก็ต้องตกแก่วัด การเพิกถอนที่ดินให้เป็นที่ธรณีสงฆ์จึงเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ปัญหาที่ตามมาคือ แล้วจะเยียวยาผู้ที่ได้ที่ดินมาโดยสุจริตอย่างไร

เลขาฯ กฤษฎีกาพูดชวนให้คิด เงินที่จะใช้หากต้องเยียวยา ยังไม่รู้ว่าจะนำมาจากส่วนใด หากจำเป็นจะต้องแก้ไขเยียวยาก็สามารถของบประมาณจากรัฐบาลได้ และน่าจะเป็นงบกลาง เพราะงบปกติน่าจะไม่มี เนื่องจากเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งงบไว้ ไม่มีใครคิดว่าจะเกิด จึงต้องหารือกับสำนักงบประมาณว่า มีแหล่งเงินจากที่ใดบ้าง นั่นจึงเป็นหนทางที่จะมีทางออกอื่น เพราะวงเงินในการเยียวยาจะสูง วิธีที่สามารถแก้ไขได้ต้องรอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรืออธิบดีกรมที่ดินมาชี้แจงว่าจะหาทางแก้อย่างไร

ทั้งนี้ มีความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาเมื่อปี 2545 ที่เสนอให้ออกเป็นพระราชบัญญัติโอนเป็นที่ดินเอกชน กรณีนี้ปกรณ์มองว่า การโอนที่ดินซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ต้องเป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไร แล้วแต่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยจะพิจารณาว่าทางใดเหมาะสม พร้อมบอกด้วยว่าการทำเช่นนี้ไม่ยากกว่าการจ่ายเงินเยียวยา เพราะ พ.ร.บ.โอนที่ธรณีสงฆ์ทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เป็นข่าว ถ้าแบบนี้ก็น่าจะรู้กันแล้วว่าจะมีทางลงกันแบบไหน

รู้กันอยู่รัฐบาลพลิกขั้ว เรื่องจะเหยียบตาปลาถึงขั้นแตกหักไม่มี ยิ่งเป็นประเด็นข้อกฎหมายแล้วมีช่องทางที่จะแก้ไข ยิ่งทำให้บรรดาแกนนำแต่ละพรรคสบายใจ เพราะไม่ต้องคิดหนักในการที่จะตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใด ขอแค่ได้รักษาหลักการ มีภาพของการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ใครจะไปจุดกระแสเพื่อแซะให้เกิดความขัดแย้ง ไม่มีทางที่จะทำได้สำเร็จ แพ็คกันเหนียวแน่นหนึบขนาดนี้ไม่มีทางที่จะแยกจากกันได้ เห็นอาการของแกนนำพรรคสืบทอดอำนาจแล้ว ยิ่งทำให้มั่นใจว่า รัฐบาลผสมปัจจุบันอยู่กันไปแบบยาว ๆ

ฟังการขายฝันของ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานศูนย์นโยบายและวิชาการ พรรคพลังประชารัฐแล้ว ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ หากเป็นการพูดในวันที่เผด็จการสืบทอดอำนาจมากบารมียังพอจะคล้อยตามได้ การบอกว่า เป้าต่อไปคือ ชนะพรรคประชาธิปัตย์ เบียดกับภูมิใจไทย แล้วเขี่ยให้พรรครวมไทยสร้างชาติตกกระป๋อง ต้องบอกว่าช่างกล้าที่จะพูด หากจะทำสำเร็จคงมีแค่เรื่องเดียวคือ เบียดเอาชนะพรรคเก่าแก่เท่านั้น รวมไทยสร้างชาติหากพรรคไม่แตก พรรคของคนอยากเป็นใหญ่ก็ไม่มีทางชนะได้

เทียบความแข็งแกร่งกันปอนด์ต่อปอนด์แล้ว ไม่ได้มีใครเหนือใคร ฝ่ายคู่แข่งยังได้เปรียบเสียด้วยซ้ำ เพราะอยู่ในฝ่ายกุมอำนาจ เรื่องการจะไปเบียดภูมิใจไทยยิ่งไปกันใหญ่ ฐานเสียงหลักของพรรคสืบทอดอำนาจ วันนี้เกือบครึ่งแทบจะโดนพรรคสีน้ำเงินตีกระจุยกระจายกันไปหมด ต้องไปถาม สส.ที่ยังอยู่ร่วมชายคา ถ้าใกล้วันเลือกตั้งยังจะคงยืนยันคำพูดเดิมหรือไม่ เกินครึ่งเตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนสีเสื้อกันแล้ว ส่วนใหญ่จะไปกันแบบยกโขยงเสียด้วย

พอจะเข้าใจได้เมื่อหัวหน้าพรรคยืนยันแล้วว่าไม่คิดจะทิ้งพรรคไปไหน และพร้อมจะนำพรรคกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ มันย่อมช่วยกระตุ้นความฮึกเหิมให้กับลูกพรรคได้ในระดับหนึ่ง แต่โดยสภาพอำนาจ บารมีไม่เหมือนเดิม มิหนำซ้ำ ยังอยู่ในภาวะถดถอย ไม่ได้ร่วมขบวนฝ่ายบริหาร จึงมองไม่เห็นหนทางว่าจะกลับมาได้อย่างไร ขณะที่ภาพการทำงานทางการเมืองยังไม่รู้ตัวเองเสียด้วยซ้ำว่าจะเป็นฝ่ายค้านเต็มที่ หรือฝ่ายแทงกั๊ก เดินเกมแบบเหยียบเรือสองแคมไม่คว่ำก็วนอยู่ในอ่างเท่านั้น

อรชุน

Back to top button