ไม่เล่นถือว่าพลาด
ดูเหมือนนักลงทุนจะกลับมาแฮปปี้กันอีกครั้ง เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จนสุดท้ายขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,361.77 จุด บวกไป 9.24 จุด
ดูเหมือนนักลงทุนจะกลับมาแฮปปี้กันอีกครั้ง เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จนสุดท้ายขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,361.77 จุด บวกไป 9.24 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.38 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดให้นักลงทุนรู้ว่า ดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 1,350 จุดเป็นระดับที่ลงทุนได้สบาย ๆ เพราะความเสี่ยงไม่ได้สูงมากเกินไป และเป็นระดับที่นักเล่นสามารถบริหารจัดการพอร์ตได้ทันถ่วงทีไงล่ะคะ
โดยเฉพาะประเด็นตลาดหุ้นไทยในช่วง 30 ปีก่อนเคยขึ้นไปยืนอยู่ที่ระดับ 1,800 จุด แต่มาในวันนี้ดัชนียืนอยู่ที่บริเวณ 1,300 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นไทยที่ใหญ่ หรือมองในมุมของพีอีหุ้นไทยที่ระดับ 18 เท่า แต่เหตุไฉนหุ้นแบงก์ของไทยจึงเทรดไม่เกินพีอี 10 เท่าแบบนี้ เดี๊ยนมองจากมุมไหน ด้านไหน ก็เป็นจังหวะที่ต้องเล่นพะย่ะค่ะ
ที่น่าสนใจคือ ความกังวลเรื่องหนี้เสียที่เคยก่อกวนความมั่นใจของนักลงทุน ก็อยู่ในระดับที่คนส่วนใหญ่ยอมรับได้ ก็เป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดให้นักลงทุนกลับมาเล่นหุ้นแบงก์อีกครั้ง แถมบรรดาเซียนตลาดหุ้นที่คลุกคลีกับหุ้นแบงก์ ล้วนสำทับไปในทางเดียวกันว่า หุ้นแบงก์ไทยเทรดบนพีอีที่ต่ำมาก ๆ เมื่อเทียบกับแบงก์ทั่วโลก จึงเป็นการเสริมกำลังใจให้กับตัวอีฉันเป็นอย่างมากนะจะบอกให้
หุ้นแบงก์ที่แรงสุดในช่วงนี้กลายเป็น KTB หลังทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 23 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 5.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.80 พันล้านบาท พร้อมกับทำไฮในรอบเกือบ 10 ปีแบบนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่นักเล่นต้องกระโจนใส่รอบใหม่ เพราะเป็นการขึ้นแบบ “เร็วและแรง” ซึ่งตามตำราพูดไปในทางเดียวกันว่า นี่คือจังหวะของการมาจริง ๆ เพราะนักเล่นมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเจ้าค่ะ
ส่วนหุ้นแบงก์อีกรายที่ “โมนิก้า” ชอบเม้าท์ถึงทุกครั้งที่มีแรงซื้อกลับเข้ามาใหม่ คงต้องมองไปที่หุ้น TTB แบบไม่ลังเลใจ เพราะเป็นหุ้นที่รายย่อยเข้าถึง ผนวกกับผลงานที่ผ่านมาก็ยังทำได้ดี เดี๊ยนเลยเชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 1.90 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 3.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.75 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE 8.60 เท่า ยังมีแก๊ปให้เล่นต่ออีกยก เพราะเที่ยวก่อนซัดขึ้นไปถึง 2.06 บาทเลยนะตัวเอง
เมาท์ถึงหุ้นที่ขึ้นไปทดสอบไฮเดิมขึ้นมาปุ๊บ เดี๊ยนต้องหันไปมองหุ้น CBG ขึ้นมาปั๊บ เพราะเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 3 เดือนครึ่งที่หุ้นยังไม่สามารถฝ่าแนวต้าน 82 บาทขึ้นไปได้..ขนาดวานนี้ขึ้นไปถึงระดับ 81 บาทได้แล้ว แต่สุดท้ายก็โรยตัวลงมาปิดที่ระดับ 79 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 523 ล้านบาทซะอย่างนั้น..วันนี้จึงเป็นการชี้ชะตาว่า จะทำสำเร็จไหม? หากทำไมได้..ม้วนตัวลงแน่ ๆ พะย่ะค่ะ
เช่นเดียวกับในรายของ BDMS มีแรงฮึดขึ้นมาปิดที่ระดับ 24.10 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 1.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.12 พันล้านบาท ก็เป็นภาพที่ดูดีมาก ๆ แต่เมื่อเจาะลงไปจะเห็นว่า นี่เป็นการเด้งขึ้นจากฐานล่างธรรมดา ๆ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถี่มากในช่วง 1 เดือนที่ผ่าน และไปโดนน็อกที่บริเวณ 25 บาทแบบนี้ ก็เป็นเกมที่นักเล่นต้องประเมินความคุ้มค่าด้วยตัวเองนะจ๊ะ
ส่วนรายที่สุดจัดปลัดบอก “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นน้องใหม่ PIS ซึ่งเข้าเทรดวันแรกก็ยืนเหนือจองได้อย่างแข็งแกร่ง และวันถัดมาก็ถูกเขย่าหุ้นตลอดทั้งวัน จนวานนี้ระเบิดฟอร์มด้วยการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 4.92 บาท บวกไป 1.14 บาท หรือขึ้นไป 30.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 940 ล้านบาท พร้อมกับมีคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ว่า ปีนี้จะโตถึง 35% แบบนี้..เล่นยาวไปเลยสิคะ
อีกรายที่พยายามยกตัวสูงขึ้น แต่มีแรงขายรินออกมาเป็นระลอก จนเที่ยวนี้บวกเบา ๆ 3 วันติด “โมนิก้า” คงยกเครดิตให้กับหุ้น MAGURO เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ เช่นกัน ผนวกกับในช่วงเดือนครึ่งหุ้นพยายามเทคตัวผ่านแนวต้าน 22 บาทเป็นระยะ เดี๊ยนเลยมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 20.80 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47 ล้านบาท เป็นจังหวะที่น่าไหลตามน้ำก็เท่านั้นเองจ้า!
โมนิก้า: และทีมงาน