‘สิงคโปร์’ กับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ปี 2567 บริษัทต่าง ๆ ในประเทศสิงคโปร์ มีโอกาสสร้างรายได้อยู่ที่ 14,500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ อันเกิดการสร้างงานกว่า 12,300 ตำแหน่ง
ปี 2567 บริษัทต่าง ๆ ในประเทศสิงคโปร์ มีโอกาสสร้างรายได้อยู่ที่ 14,500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ อันเกิดการสร้างงานกว่า 12,300 ตำแหน่ง จากโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Enterprise Singapore (Enterprise SG) ท่ามกลางสภาวะทางเศรษฐกิจอันท้าทายช่วงปีที่ผ่านมา
ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 16,400 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เนื่องจากจำนวนบริษัทที่ดำเนินโครงการปฏิรูปด้านผลผลิต การขยายธุรกิจระหว่างประเทศ และการส่งเสริมนวัตกรรมปี 2567 มีจำนวนลดลง
งานสรุปผลการดำเนินงานประจำปี ประธานของ Enterprise SG อย่าง Lee Chuan Teck ระบุว่า การลดลงดังกล่าวเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ต้นทุนธุรกิจสูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ทำให้บริษัทต่าง ๆ มุ่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแทนการเปลี่ยนแปลงระยะยาว
ปี 2567 Enterprise SG สนับสนุนบริษัทต่าง ๆ ไปกว่า 11,500 แห่ง โดยช่วยเพิ่มรายได้และความสามารถการแข่งขัน โดยมีบริษัทเพียง 2,300 แห่ง ที่ดำเนินโครงการปฏิรูป ลดลงจากปี 2566 ที่มีจำนวน 3,000 แห่ง โครงการปฏิรูปเหล่านี้เป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่และส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเติบโตของบริษัท
ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาดำเนินการยาวนาน แม้ว่าจำนวนโครงการจะลดลง แต่ Lee มองว่าโครงการเหล่านี้จะสร้างผลลัพธ์ที่มั่นคง โดยคาดว่ารายได้เฉลี่ยต่อปีแต่ละบริษัทจะเพิ่มขึ้น 8.6 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ จากระดับ 5.7 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ช่วงปีก่อนหน้า
Lee Chuan Teck ระบุอีกว่า ผลลัพธ์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ เร่งผลักดันให้เกิดการจัดทำโครงการที่สำคัญขึ้นมา
โดยปี 2566 Enterprise SG เปลี่ยนวิธีจากการรายงานจำนวนโครงการมาเป็นตัวเลขรายได้ เนื่องจากบริษัทหลายแห่งมองว่าตัวเลขดังกล่าว มีความเกี่ยวข้องมากกว่า อย่างไรก็ตามรายได้ประจำปี 2567 ต่ำกว่าปี 2562 ที่เคยทำไว้สูงเกือบ 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์
สำหรับปี 2567 Enterprise SG ประเมินว่า การสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจไปยังต่างประเทศ จะเพิ่มรายได้ประจำปีอีก 5,500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยบริษัทที่เข้าร่วมโครงการอาจมีรายได้ประจำปีเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8.8 ล้านต่อบริษัท ด้านภาคการผลิต คาดว่าจะเพิ่มรายได้อีก 8,200 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และลดต้นทุนได้เฉลี่ย 230,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อบริษัท
ขณะเดียวกันภาคนวัตกรรมคาดว่าจะเพิ่มรายได้ราว 800 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 10.2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อบริษัท โดยคณะกรรมการตามกฎหมาย มีการสนับสนุนบริษัทกว่า 9,200 แห่ง ในโครงการยกระดับความสามารถพื้นฐาน
โดย Lee Chuan Teck ระบุเพิ่มเติมว่า Enterprise SG ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ในการสนับสนุนทางการเงินและใช้กลยุทธ์ที่ต่างกันเพื่อรองรับบริษัททุกขนาด เช่นการสนับสนุนบริษัทที่เติบโตสูง ผ่านโปรแกรม Scale-Up การให้คณะกรรมการตามกฎหมายสนับสนุนความร่วมมือระหว่าง SMEs และองค์กรขนาดใหญ่ต่อไป
การช่วยเหลือบริษัทในตลาดใหม่และพันธมิตร ที่จัดตั้งเพื่อให้เกิดความร่วมมือและช่วยให้เข้าถึงลูกค้า นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญมากขึ้น การปรับปรุงและขยายการเข้าถึงของบริษัทผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยทยอยเปิดตัวแพลตฟอร์ม ที่รวมโปรแกรมเครื่องมือและทรัพยากรที่เหมาะกับ SMEs ช่วงครึ่งหลังปีนี้