
KBANK สู่โลกใบใหม่.!?
แจ้งงบงวดปี 2567 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับกลุ่มแบงก์พาณิชย์ ซึ่งโดยภาพรวมถือว่าทำได้ดี เป็นผลมาจากการตั้งสำรองฯ ที่ลดลง
แจ้งงบงวดปี 2567 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับกลุ่มแบงก์พาณิชย์ ซึ่งโดยภาพรวมถือว่าทำได้ดี เป็นผลมาจากการตั้งสำรองฯ ที่ลดลง โดยบางแบงก์ผลงานโดดเด่นถึงขั้นมีเซอร์ไพรส์ตลาดกันเลยทีเดียว เลยทำให้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ตีปีกกันพรึบพรับ พลอยทำให้ผู้ถือหุ้นแฮปปี้กันไปตาม ๆ กัน…
แต่ช่วงระหว่างนี้ มีหนึ่งแบงก์ที่มีความเคลื่อนไหวน่าสนใจ นั่นคือแบงก์สีเขียว ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าด้วยเรื่องการจัดตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท ศูนย์วิจัยสภาพภูมิอากาศสร้างสรรค์ จำกัด โดยธนาคารถือหุ้นในสัดส่วน 100% ผ่านบริษัท คอปฟิฟตี้ จำกัด
ที่ว่าน่าสนใจ เพราะการจัดตั้งบริษัทดังกล่าว วัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจการให้บริการศึกษาและวิจัยข้อมูลเชิงวิชาการด้านสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน (Climate Research) และการให้บริการถ่ายทอดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการด้านสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืนในรูปแบบต่าง ๆ (Training Course)
โอเค…ที่ผ่านมา แม้จะเห็น KBANK แตกลูกแตกหลาน (จัดตั้งบริษัทใหม่) ออกไปเยอะแยะ แต่ถ้าสังเกต ยังอยู่ในสภาพแวดล้อมของแบงก์ ไม่ได้แหกกรอบไปไหนไกล…
ไม่ว่าจะเป็นการไปจับมือกับกลุ่มเจมาร์ท จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อประกอบธุรกิจติดตามหนี้และบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ, การจับมือกับกลุ่มบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG จัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่ชื่อ บริษัท กสิกร คาราบาว จำกัด (KBAO) เพื่อให้บริการทางด้านการเงิน ปล่อยสินเชื่อให้กับร้านค้าปลีกในกลุ่มคาราบาว รวมทั้งการไปจับมือกับบริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM จัดตั้งบริษัทร่วมทุนในนามบริษัท บริหารสินทรัพย์ อรุณ จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกัน เป็นต้น
ทว่า การจัดตั้งบริษัทใหม่ครั้งนี้ ยังไม่เห็นจุดเชื่อมโยงกับธุรกิจแบงก์ แล้ววัตถุประสงค์ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการเงินแต่อย่างใด
แต่เชื่อเถอะว่าการที่ KBANK ตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาสักบริษัท คงไม่ธรรมดาแหง ๆ…
เอ๊ะ…ถ้าประเมินจากชื่อบริษัทและวัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง เป็นไปได้มั้ยว่า KBANK กำลังปูทางไปสู่โลกใบใหม่อ๊ะป่าว..!?
โลกใบใหม่ที่ว่าก็คือ โลกธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศนั่นเอง…
อย่าลืมว่า สภาพภูมิอากาศและปัญหาโลกร้อน เป็นเมกะเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ แล้วไหนจะบ้านเราที่กำลังตื่นตระหนกกับปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ที่กลายเป็นเผือกร้อนของรัฐบาลและกทม.อีก…KBANK คงมองเห็นโอกาสทางธุรกิจตรงนี้หรือเปล่า..?? เลยจัดตั้งบริษัทขึ้นมารองรับ
ก็สอดรับกับคาดการณ์ที่ร่างพ.ร.บ.ลดโลกร้อน (Climate Change Act) จะเข้าค.ร.ม.ภายในเดือน ก.พ. 2568 นี้ ซึ่งจะออกกฎหมายที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศตามมาในอนาคต แถมล่าสุดค.ร.ม.เพิ่งไฟเขียวเก็บภาษีคาร์บอนจากผลิตภัณฑ์น้ำมัน 200 บาทต่อตันคาร์บอน เพื่อหวังลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีก…
เชื่อมกลับมาที่บริษัท ศูนย์วิจัยสภาพภูมิอากาศสร้างสรรค์ ซึ่งมีหน้าที่ในการศึกษาและวิจัยข้อมูลเชิงวิชาการด้านสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งการจัดอบรมถ่ายทอดความรู้ด้านสภาพภูมิอากาศ ก็คงเป็นกองหลังหรือกองหนุนให้กับ KBANK ในการออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ เช่น บริการประเมินคาร์บอนเครดิต บริการออกกรีนบอนด์และกรีนโทเคน รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นเมกะเทรนด์โลกต่อไปในอนาคตละมั้ง…
ก็น่าจับตา KBANK กับโลกใบใหม่จะเฉิดฉายขนาดไหน..?? เดี๋ยวคงได้รู้กัน
ว่าไปแล้วแบงก์สีเขียวนี่เป็นแบงก์ที่ไม่ตกเทรนด์นะออเจ้า..!?
…อิ อิ อิ…