SCC เสน่ห์ยังมี ไม่เจือจาง
เสน่ห์ยังไม่เจือจาง สำหรับหุ้นใหญ่อยู่ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง อย่างหุ้น SCCล่าสุดยังคงติดลำดับ 11 หุ้นบลูชิพพื้นฐานดีให้ผลตอบแทนสูง ของเจพีฯ อีกด้วย เนื่องจากราคาต่ำกว่าพื้นฐาน และมีผลตอบแทนของส่วนผู้ถือหุ้นล่วงหน้าสูงกว่า 16% รับเม็ดเงินต่างชาติไหลกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น
–คุณค่าบริษัท–
เสน่ห์ยังไม่เจือจาง สำหรับหุ้นใหญ่อยู่ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง อย่างหุ้น SCCหรือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ล่าสุดยังคงติดลำดับ 11 หุ้นบลูชิพพื้นฐานดีให้ผลตอบแทนสูง ของเจพีฯ อีกด้วย เนื่องจากราคาต่ำกว่าพื้นฐาน และมีผลตอบแทนของส่วนผู้ถือหุ้นล่วงหน้าสูงกว่า 16% รับเม็ดเงินต่างชาติไหลกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น
สิ่งสำคัญ นักวิเคราะห์หวังว่าการกลับมาเติบโตของธุรกิจปูนและวัสุก่อสร้าง จะเป็นแรงเสริมธุรกิจปิโตรเคมี ที่ยังมีแนวโน้มดี ส่วนทางบริษัทก็มีมุมมองบวกต่อธุรกิจปิโตรเคมีโดยมองความต้องการซื้อและความต้องการขายของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีหลัก HDPE ยังมีความสมดุล ขณะที่ การผลิตในภูมิภาคยังผลิตได้เต็มที่ จึงคาดว่า Spread ยังน่าจะยืนได้ US$750-800 ต่อตัน จากค่าเฉลี่ยปีก่อน US$747 ต่อตัน
ทั้งนี้ ในส่วนของความต้องการซื้อปูนในประเทศคาดว่าจะฟื้นตัวเป็น 3-5% จาก 0% ปีก่อน โดยคาดหมายการก่อสร้างโครงการภาครัฐฯ ซึ่งมีการประมูลโครงการรถไฟทางคู่ไปแล้วเมื่อไตรมาส 4 ปี 58 และคาดว่าจะมีการประมูลโครงการใหม่ๆ อีกในไตรมาส 2 ปี 59 ทำให้การก่อสร้างเข็มมาเต็มที่ในครึ่งหลังของปี 59 ในเวลาเดียวกัน เชื่อว่าภาคธุรกิจอสังหาฯเชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัยจะค่อยมีมากขึ้นในครึ่งหลังของปี 59 ตามความเชื่อมั่นที่มากขึ้น
นอกจากนี้ Momentum จะดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 59 พร้อมกับมีการตระหนักถึง Supply ส่วนเพิ่มใหม่จาก TPIPL ราว 4 ล้านตัน คิดเป็น 10% ของความต้องการซื้อต่อปี ขณะที่บริษัทยังมีการลงทุนขยายกำลังผลิตในภูมิภาคโดยเพิ่มเปิดการผลิตในกัมพูชา และอินโดนีเซียในปีก่อนราว 2.7 ล้านตัน และอีก 1.8 ล้านตันในปีนี้ บริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มราว 10% จากการขยายการผลิตข้างต้น
ส่วนของผลการดำเนินงานสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 439,613.70 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 487,545.10 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทกลับมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 45,399.71 ล้านบาท หรือ 37.83 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 33,615.33 ล้านบาท หรือ 28.01 บาทต่อหุ้น เหตุจากได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจากบริษัทรวมในธุรกิจเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้น
เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินเพื่อเป็นตัวแปรในการตัดสินใจสำหรับลงทุนพบว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่งมาก เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 148,396.10 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 127,317.18 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 1.17 เท่า แสดงว่า สภาพคล่องทางการเงินดีมากพอสมควร
ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แม้บริษัทมีหนี้สินรวม 266,974.93 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น 243,005.72 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 1.10 เท่า เพราะเชื่อว่าปัญหาส่วนนี้บริษัทจะรีบดำเนินการอีกไม่ช้า อีกทั้งบริษัทยังทำกำไรอยู่ จึงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ยังเลือก SCC เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการภาครัฐฯ และมีโครงสร้างธุรกิจที่ขยายไปในภูมิภาคล้ำหน้ากว่า TPIPL และ SCCC ทำให้มีศักยภาพการเติบโตมากกว่า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเร่งจะมาในครึ่งหลังของปี 59 จึงแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว ราคาพื้นฐาน 560 บาท
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
1.สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 360,000,000 หุ้น 30.00%
2.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 96,118,355 หุ้น 8.01%
3.CHASE NOMINEES LIMITED 52,946,734 หุ้น 4.41%
4.STATE STREET BANK EUROPE LIMITED 50,963,527 หุ้น 4.25%
5.HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD 21,926,029 หุ้น 1.83%
รายชื่อกรรมการ
1.นาย จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานกรรมการ
2.นาย รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่
3.นาย รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการ
4.นาย พนัส สิมะเสถียร กรรมการ
5.นาย ยศ เอื้อชูเกียรติ กรรมการ