COCOCO ปักธงฟิลิปปินส์.!

ด้วยเทรนด์การบริโภคน้ำมะพร้าวที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะตอบโจทย์คนรักสุขภาพ ส่งผลให้หุ้นน้ำมะพร้าว COCOCO เดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง


ด้วยเทรนด์การบริโภคน้ำมะพร้าวที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะตอบโจทย์คนรักสุขภาพ ส่งผลให้หุ้นน้ำมะพร้าว บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO เดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง จนได้รับการขนานนามเป็นหุ้น Super Stock ไปแล้ว…

ตอกย้ำได้จากผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้รวมเติบโตเฉลี่ย 30-50% ต่อปี ในขณะที่กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 40-50% ต่อปี

จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นราคาหุ้น COCOCO ปรับขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดซื้อขายกันที่ 10 บาทเศษ ซึ่งสูงกว่าราคาไอพีโอที่ 5.50 บาท

และด้วยออเดอร์ของ COCOCO ที่ล้นทะลัก ทำให้ซัพพลายหรือกำลังการผลิตไม่เพียงพอกับดีมานด์หรือความต้องการผลิตภัณฑ์มะพร้าวในตลาดโลกที่มีอยู่สูง ทำให้ต้องเร่งขยับขยายกำลังการผลิต พร้อมกับมองหาแหล่งวัตถุดิบเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านแหล่งวัตถุดิบ

เลยเป็นที่มาของการทุ่มเม็ดเงิน 430 ล้านบาท เข้าลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ ผ่านการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ที่ชื่อ Novococonut โดยจะเช่าพื้นที่ระยะยาวเป็นเวลา 25 ปี ใน Anflo Industrial Estate (AIE) เพื่อก่อสร้างโรงงานสำหรับไลน์การผลิตผลิตภัณฑ์กะทิเพื่อการส่งออก

ซึ่งคาดจะเริ่มเปิดดำเนินการผลิตได้ช่วงต้นปี 2569 และจะทำให้กำลังการผลิตสูงสุดของผลิตภัณฑ์กะทิ เพิ่มขึ้นจากเดิม 99,000 ตันต่อปี เป็นประมาณ 155,000 ตันต่อปี รองรับการขยายยอดขายในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง

อ้อ…หลายคนคงยังไม่รู้สิว่า ฟิลิปปินส์ถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้ปลูกมะพร้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยสภาพภูมิอากาศเขตร้อนและไม่มีภัยธรรมชาติ เหมาะสมต่อการเพาะปลูก และมีพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่ ทำให้ประเทศนี้เป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีศักยภาพสูงสำหรับการผลิตสินค้าแปรรูป เช่น กะทิ น้ำมะพร้าว รวมถึงผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวอื่น ๆ อีกมากมาย

จึงไม่น่าแปลกใจที่ COCOCO ตัดสินใจไปตั้งฐานการผลิตในฟิลิปปินส์ เนื่องจากไม่ต้องกังวลในเรื่องปัญหาขาดแคลนมะพร้าว ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญของบริษัท

ขณะเดียวกัน ก็ช่วยลดต้นทุน ทั้งต้นทุนวัตถุดิบจากแหล่งผลิตมะพร้าวที่มีต้นทุนต่ำ ต้นทุนการขนส่ง และต้นทุนแรงงานซึ่งมีทักษะสูงในอุตสาหกรรมนี้

ไม่หมดเท่านี้ ยังได้สิทธิประโยชน์ทางการค้าในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ เช่น ASEAN Free Trade Area (AFTA) และการขอรับสิทธิประโยชน์จากสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (PEZA) เช่น การยกเว้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์ การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และการสนับสนุนอื่น ๆ อีกมากมาย

ถ้าดูตามนี้ กลยุทธ์การไปตั้งฐานที่มั่นในฟิลิปปินส์ก็น่าจะช่วยหนุนการเติบโตของ COCOCO อย่างมีนัยสำคัญนะเนี่ย..!?

ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า การบริโภคน้ำมะพร้าวและผลิตภัณฑ์มะพร้าวต้องดีต่อเนื่อง ไม่ใช่กระแสเห่อแค่ประเดี๋ยวประด๋าว…การไปลงทุน 430 ล้านบาท ในฟิลิปปินส์จะได้ไม่สูญเปล่า…

แต่ที่มีเสียวเห็นจะเป็นช่วงเช้าวานนี้ (28 ม.ค. 2568) เปิดตลาดมาราคาหุ้น COCOCO กลับทรุดตัวลงสวนข่าวดีซะงั้น ก่อนที่ช่วงบ่ายจะฟื้นตัวมาปิดตลาดที่ 10.20 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 3.03% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 367.12 ล้านบาท

คงไม่ได้ขายหมูกันไปใช่มั้ย..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button