ปูนใหญ่ (SCC) วูบตามคาด

วานนี้ SCC แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 4/2567 ออกมาแล้ว มีผลขาดทุนสุทธิ 512 ล้านบาท เหตุผลหลัก คือ ขาดทุนจากธุรกิจปิโตรเคมีเวียดนาม


วานนี้ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย SCC แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 4/2567 ออกมาแล้ว

มีผลขาดทุนสุทธิ 512 ล้านบาท

เหตุผลหลักที่ปูนใหญ่แจ้งคือ ขาดทุนจากธุรกิจปิโตรเคมีเวียดนาม

ผลขาดทุนของไตรมาสล่าสุด

ทำให้ผลประกอบการทั้งปี 2567 ออกมากำไรลดลงเหลือเพียง 6,342 ล้านบาท เท่านั้น หรือลดลงมากถึง 76% จากปี 2566

มาย้อนดูกำไรสุทธิของกลุ่มปูนใหญ่กันอีกครั้ง

ปี 2563 มีกำไรสุทธิ 34,143.87 ล้านบาท

ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 47,173.99 ล้านบาท

ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 21,382.35 ล้านบาท

ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 25,914.98 ล้านบาท

และปี 2567 มีกำไรสุทธิ  6,342 ล้านบาท

เท่าที่ดูเหตุผลของกำไรที่ปรับลง ส่วนใหญ่จะมาจากธุรกิจปิโตรเคมี ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ ที่มีผลประกอบการไม่ดีนักตามสภาพตลาดปิโตรฯ

เมื่อย้อนไปดูที่กลุ่มปูนใหญ่ชี้แจ้ง หลังแจ้งงบงวดไตรมาส 3/2567 เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจในสภาพที่กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมียังคงมีความอ่อนแอต่อไป

ข้อมูลที่เป็นผลสรุปในขณะนั้นเป็นแบบนี้

  • ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง (CBM) : อุปสงค์ในประเทศไทยและอาเซียน คาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 4/2567 และเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปี 2568 หนุนโดยโครงการของภาครัฐและมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมทั้ง อุปสงค์ที่ฟื้นตัวของกลุ่มที่อยู่อาศัย (renovation) และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์
  • ธุรกิจเคมิคอลส์ : ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำในไตรมาส 4/2568 และในปี 2568 จากภาวะอุปทานส่วนเกิน เนื่องจากช่วง low season ในไตรมาส 4 และอุปสงค์ยังคงฟื้นตัวอย่างช้า ๆ อุปสงค์อาจมีอัพไซด์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
  • โครงการ LSP (Long Son Petrochemical Complex ในเวียดนาม) เริ่ม commodity ดำเนินงานเชิงพาณิชย์ทั้ง Complex เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 แต่ได้หยุด ดำเนินงานเมื่อกลางเดือน ต.ค. 2567 เนื่องจากสภาพตลาดมีดี (มีแผนจะหยุด ประมาณ 6 เดือน หากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ฟื้นตัวกลับมาที่ประมาณ 450 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน จะพิจารณากลับมาเริ่มผลิตอีกครั้ง)
  • ปูนใหญ่ ยังคงมุ่งเน้นการขยายผลิตภัณฑ์กลุ่ม high value-added และกลุ่ม green ซึ่งตลาดมีแนวโน้มเติบโตสูงและมีอัตรากำไรสูงกว่าผลิตภัณฑ์กลุ่ม commodity
  • SCC วางแผนที่จะขายสินทรัพย์หยุดดำเนินธุรกิจที่ไม่ทำกำไร นอกจากนี้มีแผนที่จะลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร, ลดหนี้ และคาดว่าจะเกิดผลประโยชน์ราว 5 พันล้านบาทในปี 2568 รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงินทุนหมุนเวียนอีก 1 หมื่นล้านบาท

ทั้งหมดนี้คือการชี้แจงของกลุ่มปูนใหญ่ฯ หลังแจ้งงบงวดไตรมาส 3/2567

ส่วนของงบการเงินไตรมาส 4/2568 ปูนใหญ่ มีข้อมูลสรุปออกมาเช่นกัน นั่นคือ คาดว่าจะมี EBITDA ที่ดีขึ้นในปี 2568 ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก

– ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลงและมีการกระตุ้นเศรษฐกิจจากประเทศจีน ส่งผลดีต่อธุรกิจปิโตรเคมี

– การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในประเทศไทยคาดว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องงานโครงการจากภาครัฐแนวโน้มเพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และการก่อสร้าง

– การเติบโตในภูมิภาคยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนจากการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย

– SCC ดำเนินงานต่อเนื่องในการบริหารจัดการภายใน มาตรการลดต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงการเร่งแผนการดำเนินงานที่สำคัญ

– คาดการณ์รายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนสำหรับปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 30,000-35,000 ล้านบาท

– SCC เร่งดำเนินงานต่อเนื่อง เช่น เพิ่มสัดส่วนสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง ขยายปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ Gen II และ Gen III และเร่งขยายปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำไปยังตลาดอาเซียน SCGC Green Polymer โครงการก๊าซอีเทน LSP และแผนงานการขายสินทรัพย์ (Asset divestments) เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าข้อมูลที่ปูนใหญ่ให้ออกมาหลังแจ้งงบทั้งไตรมาส 3 และ 4 ปี 2567

ต่างคาดหวังว่า ผลประกอบการจะกลับมาดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ

แต่สำหรับราคาหุ้นของปูนใหญ่ หรือ SCC ล่าสุด วานนี้ปิด 153.50 บาท โดยราคาเพิ่งลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 150.00 บาท ในทางเทคนิค ว่ากันว่า ราคาหุ้น SCC อาจจะย่อตัวลงได้อีก

แต่คงต้องขึ้นอยู่กับว่าปูนใหญ่ จะพลิกฟื้นขึ้นมาได้แค่ไหน

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button