ไม่อยากเจ็บ..ก็ต้องขาย

วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องมานั่งน้ำตาเล็ดตลอดทั้งวัน เพราะตลาดหุ้นไทยเริ่มทรุดตัวรอบใหม่ และดูเหมือนแนวรับครั้งก่อนตรง 1,330 จุด


วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องมานั่งน้ำตาเล็ดตลอดทั้งวัน เพราะตลาดหุ้นไทยเริ่มทรุดตัวรอบใหม่ และดูเหมือนแนวรับครั้งก่อนตรงบริเวณ 1,330 จุด อาจต้านทานแรงขายที่มีออกมาเป็นระลอกไม่ไหว เพราะบรรดาพี่เม่ามีแนวคิดไปในทางเดียวกันว่า “ไม่อยากเจ็บ..ก็ต้องขาย” ซึ่งเป็นการซ้ำเติมตลาดหุ้นไทยให้ดูแย่ลงไปอีก และมีความเป็นไปได้ที่ดัชนีจะลงมากองอยู่ใต้ระดับ 1,300 จุดนะจ๊ะ

ถามว่าแนวคิดด้านลบ ๆ ดังกล่าวเริ่มต้นมาจากตรงไหน? เดี๊ยนตอบได้ทันทีว่า มันมาจากสารพัดข่าวร้ายที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ซึ่งไล่เรียงตั้งแต่สภาพเศรษฐกิจที่ง่อนแง่นเป็นแรมปี ต่อมาก็เป็นเรื่องโรบอทเทรดที่ทำให้รายย่อยถอยทัพกันเป็นพรวน หลังจากนั้นก็มีเรื่องตึ๊งหุ้นที่นำไปสู่การฟอร์ซเซล กระทั้งล่าสุดมีความกังวลต่อกำไรไตรมาส 4 ของบริษัทจดทะเบียนอาจออกมาต่ำกว่าคาดพะย่ะค่ะ

นี่ยังไม่นับรวมเรื่อง AI จีนกำลังปฏิวัติโลกครั้งใหญ่ และกลายเป็นแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องหวาดผวากันเป็นแถว และถ้ามย้อนกลับมาดูธุรกิจของไทยที่ได้รับผลกระทบจากการมาของพญามังกรในรูปแบบต่าง ๆ “โมนิก้า” ก็พูดได้ทันทีว่า โดนถ้วนหน้ามานานแล้ว และปีนี้น่าจะโดนจัดหนักอย่างแน่นอน เพราะเราไม่มีอะไรไปต่อกรกับพี่ใหญ่ได้เลยสักอย่างพับผ่าสิ!

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องรับสภาพกับการย่อตัวลงของดัชนี เพราะยืนปิดที่ระดับ 1,335.64 จุด ลบไป 7.55 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.95 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า ตลาดหุ้นไทยไม่พร้อมขึ้นจริง ๆ แถมนโยบายที่รัฐบาลพยายาม “แก้ไข” และ “ปรับปรุง” ให้ดีขึ้นก็เป็นเพียงวาทกรรมที่พยายามปั่นกระแสให้คนคล้อยตามไปวัน ๆ แล้วประเทศไทยจะดีขึ้นกี่โมงมิทราบคะ

ขนาดปูนใหญ่ SCC แก้เกมกำไรหดด้วยการอัดปันผลเข้ามาเป็นรางวัลปลอบใจ แต่แรงซื้อก็ไม่หนาแน่นเหมือนอย่างที่คิด หุ้นเลยยืนปิดที่ระดับ 156.50 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 1.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 629 ล้านบาทแบบหงอย ๆ เพราะเมื่อลงไปดูการเคลื่อนตัวของราคาหุ้นก่อนหน้า มันก็อยู่ตรงนี้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่สิ่งที่น่ากลัวต่อจากนี้คือ งบไตรมาส 1 ปี 68 กำไรจะเหลือเท่าไหร?..พูดขึ้นมาแล้ว ขนหัวลุกเลยจ้า!

เช่นเดียวกับการทิ้งตัวของหุ้น CBG ก็มีความกังวลจากเรื่องกำไรหด และกลายเป็นแรงกระเพื่อมที่ทำให้นักลงทุนสถาบันกระโจนหนีต่อเนื่อง และกระทบโดยตรงกับราคาหุ้นในกระดาน พร้อมกับยืนปิดที่ระดับ 71 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 563 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 3 วันติด และคิดเป็นการปรับตัวลดลง 10% แบบนี้..มันไม่ใช่เหตุการณ์ปกติแน่ ๆ เจ้าค่ะ

เหมือนกับอาการขาแข้งอ่อนแรง ทั้งที่ผ่านมามีแรงเชียร์ให้หุ้นไปต่อเป็นระยะ แต่สุดท้ายหุ้นสายการบินอย่าง AAV ก็กลายเป็นนกปีกหักสองเดือนครึ่ง และนอนซมเลียแผลไม่ขยับเขยื้อนไปไหน “โมนิก้า” มาเห็นอีกทีก็พบว่า หุ้นนอนนิ่งปิดที่ระดับ2.26 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 60 ล้านบาทเสียแล้ว..ตามตำราเขาเรียกลักษณะนี้ว่า หมดทางไป! เพราะข่าวลักพาตัวอินฟลูเอนเซอร์ ทำให้คนจีนยกเลิกบินมาไทยเยอะมากเจ้าค่ะ

ขนาดหุ้นขายไก่ขายหมูเจ้าดังอย่าง CPF ยังไม่ได้รับการเหลียวแลเท่าที่ควร จนราคาหุ้นแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ในกรอบ 21.50-23.50 บาทเป็นเวลาเดือนครึ่งแบบนี้ “โมนิก้า” คงไม่ต้องพูดว่า นักเล่นควรทำตัวอย่างไร? เมื่อเห็นหุ้นยืนปิดที่ระดับ 22.80 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 195 ล้านบาท เพราะคำตอบของเรื่องนี้อยู่ที่นักลงทุนมองสถานการณ์ตรงนี้เป็นแบบไหน?..อิอิอิ

เช่นเดียวกับการทำโลว์ใหม่ในรอบ 1 ปีของเจ้าพ่อยาง STA คงหนีไม่พ้นเรื่องผลงานไม่มาตามนัด จึงทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเป็นระลอก ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 15.70 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 126 ล้านบาท มันก็มีเหตุผลที่อธิบายในตัวของมันเองอยู่แล้ว อีฉันเลยมีหน้าที่ดูแค่ว่า หุ้นจะหยุดลงตรงไหน? เพราะไม่สามารถทำอย่างอื่นได้อีกแล้วน่ะซี

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button