พาราสาวะถี
ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด หากประเมินจากการลงพื้นที่ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ถือว่ามีพื้นที่ที่เสียหน้า
ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด หากประเมินจากการลงพื้นที่ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ถือว่ามีพื้นที่ที่เสียหน้า โดยเฉพาะ 2 จังหวัดภาคเหนือฐานเสียงสำคัญอย่าง เชียงราย และลำพูน แต่หากประเมินในแง่ของความเสียหายถ้ามองจากคะแนนที่ได้ของผู้สมัคร ต้องยอมรับกันว่าน่าจะดีขึ้นกว่าการเลือกตั้ง สส.ครั้งที่ผ่านมา ถ้ามองลึกลงไปในรายละเอียดปลีกย่อยก็พอจะเห็นความบกพร่อง ผิดพลาดที่เป็นผลมาจากความมั่นใจส่วนตัวของนายใหญ่นั่นเอง
เชียงรายการเลือก สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช เท่ากับเป็นการโยนความได้เปรียบให้กับคู่แข่งไปได้ในระดับหนึ่ง เพราะปัญหาบ้านใหญ่ที่ถือหางฝั่งเพื่อไทยไม่ลงรอยกันในพื้นที่มีมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เมื่อทักษิณชี้นิ้วไปที่หลังบ้านของ ยงยุทธ ติยะไพรัช ย่อมทำให้ผู้ผิดหวังตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่า เสียงที่อยู่ในความดูแลจะเทไปทางไหน ประกอบกับคู่แข่งเป็นอดีตนายก อบจ.คนเดิมที่ไม่มีปัญหาทางประวัติมาก่อน ย่อมมีโอกาสมากกว่า ผลของการเลือกตั้งรอบนี้น่าจะนำไปสู่การประเมินถึงการเลือกตัวผู้สมัคร สส.ครั้งต่อไปด้วย
ส่วนที่ลำพูนถามว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพรรคประชาชนหรือไม่ อาจเรียกอย่างนั้นได้ เพราะสามารถโค่นแชมป์เก่าจากเพื่อไทยอย่าง อนุสรณ์ วงศ์วรรณ ได้ แต่ถ้ามองไปยังปูมหลังของว่าที่นายกฯ คนใหม่ แม้จะมีวัยเพียง 37 ปี แต่ “โกเฮง” วีระเดช ภู่พิสิฐ ถือเป็นสายเลือดของนักการเมืองบ้านใหญ่แห่งลำพูนเหมือนกัน เพราะเป็นลูกชายของ “โกเก๊า” ประเสริฐ ภู่พิสิฐ อดีตนายก อบจ.ลำพูน และประธานหอการค้าจังหวัดลำพูน
ถ้ามองไปยังผลการเลือกตั้ง สส.ครั้งที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าพรรคก้าวไกลสามารถปักธงได้เก้าอี้ในพื้นที่เขต 1 ลำพูนได้ ซึ่งถือเป็นพื้นที่อำเภอเมือง และอีกสองอำเภอใกล้เคียงคือ บ้านธิกับแม่ทา สะท้อนภาพฐานเสียงของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกัน อาจจะบอกได้ว่าด้วยความที่ผู้สมัครของเพื่อไทยเป็นอดีตนายกฯ หลายสมัย จึงทำให้ติดประมาท จะเห็นได้จากการลงพื้นที่ช่วยหาเสียงของนายใหญ่ไม่ได้เน้นเป็นพิเศษ ส่งผลให้พบกับความปราชัยในที่สุด
ถามต่อไปว่าเป็นชัยชนะที่สามารถประกาศศักดา แสดงความยิ่งใหญ่สำหรับพรรคประชาชนได้หรือไม่ อาจจะพอใจในแง่ของคะแนนที่ได้ เมื่อนำไปผนวกเข้ากับผลของการเลือกตั้งที่เชียงใหม่ แม้ พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครของพรรคจะพ่ายแพ้ให้กับ “ส.ว.ก๊อง” พิชัย พงศ์เลิศอดิศร จากเพื่อไทย แต่ผลคะแนนก็ไม่ได้ทิ้งขาดกันมาก นั่นเท่ากับว่าฐานเสียงเพื่อการเลือกตั้ง สส.ครั้งต่อไปยังเหนียวแน่น จึงทำให้อุ่นใจได้ว่า กระแสของพรรคสำหรับสองจังหวัดนี้จึงน่าจะยังดี และมีต่อเนื่องต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาผลรวมของการเลือกตั้งทั้งหมด น่าจะเป็นโจทย์ใหญ่ให้กับระดับนำของพรรคแกนนำฝ่ายค้านได้ไปขบคิด เพราะพื้นที่ความหวังที่เชื่อว่าน่าจะปักธงคว้าเก้าอี้นายก อบจ.ได้ในภาคกลางและตะวันออก กลับไม่เข้าเป้า และพ่ายแพ้แบบไม่ได้ลุ้น ทั้งที่ แต่ละแห่งพรรคสีส้มมี สส.ของตัวเองมากกว่าฝ่ายคู่แข่งเสียด้วยซ้ำ หากวิเคราะห์แบบปลอบใจตัวเองว่า ชาวบ้านแยกได้ระหว่างการเมืองท้องถิ่นกับระดับชาตินั่นก็อีกเรื่อง แต่ถ้าไม่ใช่ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่แกนนำทั้งหลายต้องนำไปคิดเป็นการบ้าน
ที่ดีใจจนออกนอกหน้าคงหนีไม่พ้น อนุทิน ชาญวีรกูล หลังทราบผลนายก อบจ.ศรีสะเกษแล้ว รีบไปแสดงความดีใจกับ วิชิต ไตรสรณกุล ตัวแทนของพรรคที่เอาชนะ วิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ คู่แข่งจากเพื่อไทยไปขาดลอยกว่าแสนคะแนน ไหนบอกว่าวางตัวเป็นกลาง พรรคไม่ได้ส่งใครลงสมัคร พอเข้าใจได้เพราะก่อนหน้ามีแรงกดดันอย่างหนัก จากการที่นายใหญ่ได้ไปลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัครของพรรคแกนนำรัฐบาล และมีการปราศรัยถากถาง เหน็บแนมกันหลายเรื่อง
ไม่ใช่แค่เพียงเป็นผู้สมัครความหวังของพรรคสีน้ำเงินเท่านั้น หากแต่ลูกสาว ไตรศุลี ไตรสรณกุล ก็ทำหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย ถ้าเกิดพ่ายแพ้มาเสียหายไม่ว่า แต่จะเสียหน้ายี่ห้อ มท.1 ไปฉิบ ซึ่งพื้นที่นี้หากมองจากผลการเลือกตั้ง สส.รอบที่ผ่านมา เพื่อไทยกวาดเก้าอี้ไป 7 จาก 9 ที่นั่ง เหลือให้ภูมิใจไทยแค่สองเก้าอี้ ทั้งที่เป็นอีกหนึ่งพื้นที่เป้าหมายของพรรคเสี่ยหนู ก็ยังมีการบ้านให้ทำกันอีกเยอะในแง่ของการเมืองภาคใหญ่
ในขณะที่ผลการเลือกตั้งบางจังหวัดของภาคอีสานภายใต้การลุยช่วยหาเสียงของทักษิณก็ถือว่า เข้าเป้าตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นที่นครพนม อนุชิต หงษาดี สามารถล้มเจ้าของตำแหน่งเดิม ศุภพานี โพธิ์สุ ลูกสาวของ “สหายแสง” ศุภชัย โพธิ์สุ ลงได้ เช่นเดียวกับที่หนองคาย วุฒิไกร ช่างเหล็ก ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย ก็โค่นแชมป์เก่าอย่าง ยุทธนา ศรีตะบุตร อดีตนายก อบจ. 5 สมัย ลงได้ ส่วนที่มหาสารคาม พลพัฒน์ จรัสเสถียร ก็เอาชนะ คมคาย อุดรพิมพ์ อดีตนายกฯ ได้เหมือนกัน
สำหรับจังหวัดที่แบเบอร์เรียกได้ว่าเอาชนะตั้งแต่ในมุ้งคือ นครราชสีมา “มาดามหน่อย” ยลดา หวังศุภกิจโกศล คนที่เพื่อไทยภูมิใจเสนอ ได้คะแนนเสียงถล่มทลายทิ้งคู่แข่งหลายแสนคะแนน ส่วนที่ปราจีนบุรี “สจ.จอย” ณภาภัช อัญชสาณิชมน ซึ่งพรรคแกนนำหนุนหลังเป็นตัวแทนสู้กับมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ก็เข้าวินชนิดไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อย ขณะที่ฉะเชิงเทรา กลยุทธ ฉายแสง น้องชายของ “เดอะอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง ก็เข้าป้ายตามคาด พื้นที่ฉายภาพชัดเรื่องบ้านใหญ่ เพราะตระกูลดังทางการเมืองของแปดริ้วต่างพร้อมใจกันหนุนผู้สมัครจากเพื่อไทย
สรุปผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ทั้ง 47 จังหวัด ถ้ายกเอาภารกิจของรัฐบาลพลิกขั้ว ต้องยอมรับกันว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง แม้จะมีการชิงชัยกันของสองพรรคแกนนำอย่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทย แต่นั่นเป็นไปตามกติกาและโลกของการแข่งขัน เมื่อเป้าหมายใหญ่คือได้ไปต่อหลังเลือกตั้งครั้งหน้า ผลที่ออกมาย่อมเป็นสัญญาณที่ดีว่า อย่างน้อยพรรคที่กระแสแรงจากรอบที่ผ่านมาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าไม่ติดประมาท เร่งสร้างผลงาน ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้ ก็ไม่ใช่โจทย์ยากต่อการได้กลับมาจับมือกันกุมอำนาจฝ่ายบริหารอีกครั้ง
อรชุน